MENU
TH EN
Title Thumbnail & Hero Image: ศิวะมหาเทพ, ที่มา: www.pinterest.com, วันที่เข้าถึง: 13 พฤศจิกายน 2568.
1. สกันทะ ปุราณะ 1
First revision: Nov.13, 2025
Last change: Dec.11, 2025
สืบค้น รวบรวม เรียบเรียง แปล และปริวรรตโดย อภิรักษ์ กาญจนคงคา.
1.
หน้าที่ 1 (27)
บทที่ 1-1 (1)01 (ความยิ่งใหญ่แห่งศิวะ ปุราณะ)
1.
รี เซานกะ01 กล่าวว่า โอ้ สูตะ!02 โอ้ พระผู้ทรงปรีชายิ่ง! โอ้พระผู้เป็นเจ้า! โอ้ ผู้ทรงทราบผลแห่งการกำหนดทั้งปวงไว้แล้ว. โปรดประทานแก่ข้าฯ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับแก่นแท้ของปุราณะทั้งปวง. ความประพฤติดี ความจงรักภักดี และวิจารณญาณอันเฉียบแหลมในตนเองและบุตรของข้าฯ นั้น เจริญขึ้นได้อย่างไร? ผู้มีคุณธรรมปฏิบัติอย่างไรเพื่อขจัดความคดโกงของตนเอง? ในกลียุค02 อันน่าสะพรึงกลัวนี้ สัตว์ทั้งปวงย่อมได้รับลักษณะความเป็นอสูร03. อะไรคือหนทางอันสูงสุดที่จะรักษาสรรพสัตว์ทั้งปวงจากสิ่งเหล่านี้ได้? อะไรคือเป้าหมายอันสูงสุดที่จะสร้างความมั่นใจกับสิ่งที่ดีที่สุดของที่สุดได้? ในปัจจุบันนี้ มีวิธีการใดบ้างไหมที่สามารถจะชำระล้างอาตมัน04. ของตนได้อย่างรวดเร็ว? โอ้ พระบิดา!03. ด้วยจิตที่แจ่มใส บุคคลจะบรรลุเข้าถึงพระศิวะได้อย่างไร?
---------------

01. แม้ว่าจะรวมอยู่ในคัมภีร์ศิวะ ปุราณะ แต่บทที่ 1.1 ถึง 1.7 ไม่ได้มาจากศิวะ ปุราณะอย่างแท้จริง. ทว่ามาจากพระสกันทะ ปุราณะ. แต่เนื่องจากเป็นการกล่าวถึงความยิ่งใหญ่ของศิวะ ปุราณะ จึงมักปรากฏในคัมภีร์ศิวะ ปุราณะนี้ด้วย.
02. สูตะ (सूत - Sūta) มี 3 ความหมาย 1) เป็นบุตรชายที่กำเนิดจากบิดาวรรณะกษัตริย์กับมารดาวรรณะพราหมณ์ ซึ่งกำหนดอาชีพไว้ให้เป็นคนขับรถม้า เทียมม้า มักจะเป็นกวีและมักจะพูดจาหยาบกระด้าง. 2) พระสูตร และ 3) ผู้ซึ่งเล่าเรื่องราวหรือเล่าเรื่องปุราณะให้บรรดาฤๅษีทั้งหลายที่นำโดยเซานกะทราบ ซึ่งบรรดาฤๅษีเหล่านี้นั้นได้ประชุมกันในป่าไนมิษา (ซึ่งเป็นนิยามในบทนี้).
03. พระบิดา (Father) คำที่ใช้คือ ตาต้า (ताता - Tata) แม้จะหมายถึงพ่อ แต่ใช้เรียกผู้ที่อาวุโสกว่าด้วยความเคารพ.

หมายเหตุ คำอธิบาย
01. เซานกะ (शौनक - Śaunaka) - หัวหน้าของเหล่าบรรดาฤๅษีผู้ยิ่งใหญ่ในป่าไนมิษา.
02. กลียุค (कलियुग -
 Kali yuga) - รายละเอียดดูในหน้าที่ 5 ของ คัมภีร์ปุราณะ 1.
03. อสูร (असुर - Asura) - เป็นพลังแห่งความชั่วร้ายในตำนานภารตะ. เหล่าอสูรเป็นบุตรของฤๅษีกัศยปะ (कश्यप - kaśyapa) รายละเอียดดูในหน้าที่ 4 ของ
02B-1. บรรดาเหล่าปราชญ์ภารตะ 1.  และนางทิติ (दिति - Diti) จึงเป็นพี่น้องต่างมารดากับบรรดาทวยเทพ. เหล่าอสูรถูกปกครองโดยราชาที่ทรงอำนาจเป็นครั้งคราว และก่อสงครามกับเหล่าเทพยดาอย่างต่อเนื่อง. และเนื่องจากเหล่าอสูรเป็นบุตรของทิติ พวกมันจึงถูกขนานนามว่า ไดธยัส หรือ ไดธยะ (दैत्य - Daithyas หรือ Daityas).
04. อาตมัน (आत्मन् - Ātman - self, body - ตัวตน, ร่างกาย) หมายถึง ทราวยปัญจกะ - ธาตุทั้งห้า (द्रव्यपञ्चक - dravyapañcaka - fivefold substances) (ปถวีธาตุ - ดิน, อาโปธาตุ - น้ำ, วาโยธาตุ - ลม, เตโชธาตุ - ไฟ, อากาศธาตุ - อากาศ) หนึ่ง ซึ่งนิยามไว้ใน ไตติรียะ-อารัณยกะ (तैत्तिरीय-आरण्यक - Taittirīya-āraṇyaka) 7.7.1, ทราวยปัญจกะ และการแบ่งธาตุทั้งห้าอื่น ๆ ดังกล่าว เกี่ยวข้องกับลักษณะธาตุ (अधिभूत - adhibhūta - อธิภูตะ) ของการแบ่งธาตุทั้งสาม {adhibhūta, adhitaiva และ adhyātma - เป็นคำศัพท์ในคัมภีร์ภควัท คีตา ที่กล่าวถึงธรรมชาติที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา (अधिभूत - adhibhūta - อธิภูตะ), การดำรงอยู่ของพระเจ้าผู้ดูแลเทพเจ้าและธรรมชาติ (अधिदैव - Adhidaiva หรือ adhitaiva - อไทเดวะ), และความเป็นพระเจ้าผู้ประทับอยู่ในหัวใจของทุกสิ่งมีชีวิต (अध्यात्म - Adhiyajna หรือ adhyātma - อัธยาทมะ)} ซึ่งพยายามอธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติของจักรวาล, อธิภูตะ หมายถึงทุกสิ่งที่เป็นของสสารหรือธาตุที่สร้างขึ้น.

1.
2.
หน้าที่ 2 (28)
       สูตะตอบว่า "โอ้ เสือในหมู่ปราชญ์ทั้งหลาย! เมื่อท่านกระหายและปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้สดับในเรื่องนี้. พวกท่านจึงได้รับพร. ฉะนั้น ข้าฯ จะขอใช้สติปัญญาใคร่ครวญถึงคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่และประเสริฐ และกล่าวบอกพวกท่าน. นี่คือผลของความมุ่งมั่นอันหลากหลาย และเสริมสร้างความศรัทธา. โอ้ ลูกเอ๋ย! นี่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่พอพระทัยพระศิวะเทพ. จงฟังคำเทศนาเถิด. อันเป็นสิ่งที่ดีเลิศและขจัดความกลัวอันใหญ่หลวงที่เกิดจากงูร้ายที่รู้จักกันในนามพระกาฬ01,01. โอ้ ปราชญ์เอ่ย! นี่แหละคือศิวะ ปุราณะอันสูงส่ง ซึ่งพระศิวะได้ตรัสไว้. ปราชญ์พระสนาทกุมาร02 ได้สั่งสอนมหาฤๅษีวฺยาส03 และด้วยความเคารพต่อมหาฤๅษี02 และสวัสดิภาพของผู้ที่เกิดในกลียุค ฤๅษีวฺยาสจึงได้ย่อความไว้. โอ้ ปราชญ์เอ่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อชำระจิตใจของผู้ที่เกิดในกลียุค ไม่มีสิ่งใดอื่นนอกจากศิวะ ปุราณะ. โอ้ ปราชญ์เอ่ย! เมื่อได้สะสมบุญกุศลไว้มากในชาติก่อน ผู้โชคดีและฉลาดหลักแหลมยิ่งจะเกิดความชื่นชอบในบุญนั้น. ศิวะ ปุราณะนี้เป็นคัมภีร์อันประเสริฐและยอดเยี่ยม บนพื้นพสุธานี้ คัมภีร์เล่มนี้ควรนำมาใช้และรู้จักในนามรูปของพระศิวะอยู่เสมอ. แม้นบุรุษผู้ประเสริฐอ่านหรือฟังด้วยใจที่เลื่อมใส เขาจะบรรลุถึงพระศิวะในทันที ซึ่งจะบรรลุได้ในทุกวิถีทาง. ดังนั้นบุคคลทั้งหลายจะต้องใช้ความพยายามทุก ๆ หนทางเพื่อที่จะอ่านคัมภีร์อันศักดิ์สิทธิ์. หากฟังด้วยความรักแล้วไซร้ ทุกสิ่งที่ปรารถนาล้วนได้มาราวกับเป็นผลไม้. เมื่อบุคคลได้สดับถึงปุราณะของพระศยัมภู03 บุคคลนั้นก็จะได้รับการชำระล้างบาป. หลังจากได้ดื่มด่ำกับความสุขสำราญแล้ว บุคคลนั้นก็ครอบครองโลกของพระศิวะ. ทันทีที่ได้สดับเรื่องราวของพระศยัมภู บุคคลนั้นก็จะได้รับผลบุญอันประเสริฐที่ได้จากการบูชายัญราชสูยะ04,04 หรือบูชายัญอัคนิษโตมะ04,05 ร้อยครั้ง. 
---------------

01. เวลา โชคชะตา และความตาย.
02. พระสนาทกุมาร แต่เดิมทีนั้น พระพรหมเป็นผู้แต่งปุราณะขึ้น ซึ่งพระองค์ได้สั่งสอนแก่พระสนาทกุมาร ผู้เป็นหนึ่งในสี่บุตรที่ถือกำเนิดขึ้นจากจิตของพระพรหมเอง. พระสนาทกุมารก็ได้สอนต่อไปยังมหาฤๅษีวยฺาส. ต่อมาท่านมหาฤๅษีวยฺาสได้ย่อและจำแนกปุราณะออกเป็นสิบแปดคัมภีร์ปุราณะ (รายละเอียดดูใน
คัมภีร์ปุราณะ 1) ดังเช่นที่เป็นประเพณีสืบมานี้.
03. พระศยัมภู หรือ สยัมภู (शम्भु - Śambhu) เป็นอีกชื่อหนึ่งของพระศิวะ.
04. ราชสูยะ คือการบูชายัญหลวง หรือการบูชาของวรรณะกษัตริย์ ส่วนอัคนิษโตมะ คือการบูชายัญด้วยไฟ.

หมายเหตุ คำอธิบาย
01. พระกาฬ บ้างก็เรียกพระกาล (काल - Kāla) มีหลายนิยามดังนี้: 
       1). 
หนึ่งในสิบเอ็ดรากษส (राक्षस - Rākṣasa) ที่เผชิญหน้ากับพระรุทระทั้งสิบเอ็ดในการต่อสู้ระหว่างเทพกับอสูร ตามที่ระบุไว้ในวราหปุราณะ (वराहपुराण - Varāhapurāṇa) บทที่ 94. การต่อสู้ครั้งนี้เริ่มต้นโดยมหิษาสุระ (स्त्रीघ्न - Mahiṣāsura - อสูรควาย - the buffalo-demon) เพื่อเอาชนะพระไวษณวี (वैष्णवी- Vaiṣṇavī) ซึ่งเป็นรูปของตรีกลา (त्रिकला - Trikalā) ที่มีกายสีแดงซึ่งเป็นตัวแทนของพลังแห่งพระวิษณุ ตรีกลาเป็นพระนามของพระแม่ศรีปารวตี ซึ่งเป็นเทพีที่ถือกำเนิดจากรูปลักษณ์ที่ผสมผสานกันของพระพรหม พระวิษณุ และพระมเหศวร (พระศิวะ). ซึ่งวราหปุราณะจัดอยู่ในประเภทมหาปุราณะ และเดิมประกอบด้วยบทร้อยกรอง 24,000 บท ซึ่งอาจมาจากราวพุทธศตวรรษที่ 4-5 หรือก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 10 ประกอบด้วยสองภาค และสูตะเป็นผู้บรรยายหลัก.

ตรีกลา, ที่มา: www.amazon.in, วันที่เข้าถึง: 17 พฤศจิกายน 2568.
ศิลปะพื้นบ้านในแคว้นโอริสสา ภารตะ, วาดโดย: Rabi behera, ไม่มีข้อมูลวันที่วาด.
1.
       2). “ความตายและเวลา” หมายถึงหนึ่งในห้าสิบหกวินายากะ {विनायक - vināyaka - กลุ่มเทพเจ้าที่ได้รับการบูชาในแคชเมียร์โบราณ-Kaśmīra - ตามที่ระบุไว้ในนีลมาตาปุราณะ (नीलमतापुराण - Nīlamatapurāṇa)} ที่ตั้งอยู่ที่กาศี (काशी - Kāśī) (หรือ वाराणसी - Vārāṇasī - พาราณสี) และเป็นส่วนหนึ่งของการแสวงบุญศักดิ์สิทธิ์ (यात्रा - yātrā) ซึ่งอธิบายไว้ในกาศีกัณฑ์ (काशीखण्ड - Kāśīkhaṇḍa) (Skanda-purāṇa 4.2.57) พระองค์ยังทรงเป็นที่รู้จักในพระนาม กาลาวินายากะ กาลาคเณศ และกาลาวีญเณศ (कालविनायक - Kālavināyaka, कालगणेश - Kālagaṇeśa และ कालविघ्नेश - Kālavighneśa). พระวินายากะทั้งห้าสิบหกนี้ตั้งอยู่ที่จุดสำคัญแปดจุดในวงกลมเจ็ดวงซ้อนกัน (8x7) โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เทพองค์หนึ่งชื่อ ฑุณฑิราช (ढुण्ढिराज - Ḍhuṇḍhirāja หรือ हुण्ढि-विनायक - Ḍhuṇḍhi-vināyaka - ฑุณฑิ วินายกะ) ประทับอยู่ใกล้กับวิหารวิศวนาถ (विश्वनाथ -
 Viśvanātha) ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางของเมืองกาศี ใกล้กับแม่น้ำคงคา (गङ्गेस् - the Gaṅges) การจัดเรียงนี้เป็นสัญลักษณ์ของความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกันระหว่างจักรวาลขนาดใหญ่ (macrocosmos) จักรวาลขนาดกลาง (mesocosmos) และจักรวาลขนาดเล็ก (microcosmos).
       3). หมายถึง พระยม (ยมะ) เทพแห่งความตาย (The god of Death) เมื่ออายุขัยของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดที่พรหม (ब्रह्मा - Brahmā) ประทานให้สิ้นสุดลง พระยมจึงส่งทูตไปนำดวงวิญญาณไปยังยมะปุรี (यमपुरी - นครพระยม - Yamapurī) จากนั้นดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะถูกส่งไปยังไวกูณฐ์ (वैकुण्ठ - Vaikuṇṭha - สวรรค์อันเป็นที่สถิตของพระวิษณุ) และดวงวิญญาณบาปจะถูกส่งไปยังนรก. ลำดับวงศ์ตระกูลและการกำเนิดของพระยม จากมหาวิษณุ (महाविष्णु - Mahāviṣṇu) ล้วนสืบเชื้อสายมาจากพระพรหม ฤๅษีมรีจิ (मरीचि -
 Marīci) ฤๅษีกัศยปะ (कश्यप - Kaśyapa) รายละเอียดดูใน 02B-1. บรรดาเหล่าปราชญ์ภารตะ 1. พระสุริยะ (सूर्य  - Sūrya) (พระอาทิตย์) และก็มาถึงพระยมะ (หรือ พระกาฬ - काल - Kāla).
02. พระสนาทกุมาร (सनत्कुमार - Sanātkumāra - eternal youth) รายละเอียดดูในหมายเหตุที่ 2 หน้าที่ ix
วิษณุปุราณะ 1.
03. มหาฤๅษีวฺยาส ชื่อเต็ม กฤษณะ ทไวปายณะ เวทวฺยาส (कृष्ण द्वैपायन वेदव्यास - Kṛṣṇa Dvaipāyana Vedavyāsa) รายละเอียดดูในหน้าที่ 2 ของ
A01. บทนำ - มหาภารตยุทธ.
04. ราชสูยะ (राजसूय - Rājasūya) เป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่กระทำโดยราชา (ซึ่งมีเจ้าชายบริวารร่วมด้วย) ในช่วงราชาภิเษกของกษัตริย์พระองค์นั้น เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งอำนาจอธิปไตยหรืออำนาจรัฐาธิปัตย์ที่ไม่มีใครโต้แย้งราชาองค์นั้นได้. ผู้พิชิตจุดสำคัญสมควรที่จะกระทำซึ่งแสดงตัวอย่างไว้ดังนี้: ท้าวยุธิษฐิระได้ทำราชสูยะแด่พระกฤษณะ, พระโสมผู้พิชิตสามโลกได้กระทำพิธีราชสูยะ, ท้าวยุธิษฐิระปรารถนาที่จะเป็นปารเมษฐี (पारमेष्ठी - Pārameṣṭhī - เป็นคุณสมบัติของการบูชาพระพรหมเพื่อที่จะเป็นเจ้าเหนือผู้ปกครองทั้งมวล) ดังนั้นจึงส่งฤตวิก (ऋत्विक् - Ṛtviks - นักบวชผู้ประกอบพิธีกรรมตามคัมภีร์พระเวท อ้างอิง ศิวะ ปุราณะ 2.2.27.) ไปพบ รวมถึงรัฐบุรุษอาวุโสภีษมะและมหามติวิฑูร แม้แต่พวกวรรณะศูทรก็ได้รับเชิญ หลังจากการบูชายัญ ตามคำแนะนำของท้าวสหเทพ เกียรติยศแรกถูกมอบให้กับพระกฤษณะ การประท้วงของศิศุปาละและการประณามพระกฤษณะ ต่อมาศิศุปาละก็ถูกตัดเศียร ในการบูชายัญแต่ละท่านได้รับมอบหมายหน้าที่เฉพาะ เช่น ทุรโยธน์ดูแลคลังสมบัติ ภีมะประกอบอาหาร นกุลดูแลเสบียงอาหาร ฯลฯ พิธีอาบน้ำอวภฤต (अवभृत - avabhṛta - พิธีอาบน้ำศักดิ์ถวายแด่พระโสม) ที่แม่น้ำคงคา มีการบรรเลงดนตรีอันศักดิ์สิทธิ์ แขกผู้มีเกียรติทุกท่านให้เกียรติและเดินทางกลับ ทุรโยธน์อิจฉาที่การบูชายัญสำเร็จ พิธีถวายราชสดุดีโดยท้าวปฤถุ (पृथु - Pṛthu) ท้าวพาลี (वालि - Vāli) และท้าวองค์อื่น ๆ. 
05. อัคนิษโตมะ (अग्निष्टोम - Agniṣtoma) เป็นพิธีกรรมบูชายัญหรือยัญพิธีที่กินเวลาหลายวันในฤดูใบไม้ผลิ และเป็นส่วนสำคัญของโยติษโฏมะ (ज्योतिष्टोम - Jyotiṣṭoma - 
เป็นชื่อของการบูชายัญพิธีกรรมอันยิ่งใหญ่หลายประการ ดังที่กล่าวไว้ในศิวะ ปุราณะ 2.2.6.).

1.
2.
หน้าที่ 3 (29)
โอ้ ปราชญ์เอ่ย! ผู้ได้สดับถึงธรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของศิวะ ปุราณะไซร้ ก็ไม่พึงคิดว่าตนเป็นมนุษย์ปุถุชน. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเข้าจะมีรูปร่างเฉกเช่นพระรุทระ.1 เหล่าปราชญ์ต่างทราบดีว่าฝุ่นละอองจากปลายเท้าทรงดอกบัวของผู้ที่ได้สดับปุราณะนี้และได้สวดภาวนาก็เป็นดั่งเช่นฝุ่นละอองจากปลายเท้าของเหล่าตีรถะ2. สัตว์ทั้งหลายผู้ปรารถนาจะไปสู่ดินแดนสูงสุด ควรสดับศิวะ ปุราณะอันไร้ตำหนิด้วยความทุ่มเทสม่ำเสมอด้วยเถิด. โอ้ ผู้มีมหิทธานุภาพสูงสุดในหมู่ปราชญ์! หากผู้ได้มิได้สดับเสียงธรรมนั้นได้อย่างต่อเนื่องไซร้ ขอจงควบคุมอาตมันของตน และรับฟังเพียงวันละหนึ่งมุฮูรตะ3 ฟังศิวะ ปุราณะในเดือนต่าง ๆ อันเป็นมงคล. หนึ่งในสี่ของมุฮูรตะ คือ กฤษาณะ4, พวกเขาไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความยากลำบากใด ๆ . โอ้ เทพเจ้าแห่งปราชญ์! ผู้ใดสดับปุราณะนี้ ย่อมเผาผลาญป่ากรรมอันยิ่งใหญ่และข้ามพ้นสังสารวัฏ5. โอ้ บัณฑิตเอ่ย! บุญกุศลทั้งหลายที่ได้มาจากการบริจาคและการเสียสละทั้งปวง. ผลบุญอันมั่นคงเหล่านั้นได้มาจากการฟังปุราณะของพระศยัมภู โอ้ ปราชญ์เอ่ย! โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลียุค นอกจากการสดับศิวะ ปุราณะ ก็ไม่มีธรรมะใดสำหรับมนุษย์อีกแล้ว. นี่คือหนทางสู่การหลุดพ้น. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าการสดับและสวดบทศยัมภู ปุราณะอย่างถูกต้อง เหล่ามนุษย์จะได้รับผลแห่งกัลปัทรุม6. ในกลียุคนั้น มีบุคคลที่มีจิตใจชั่วร้ายหลอกลวงในอาตมันของตน. พวกเขาไม่ปฏิบัติตามธรรมะ. น้ำอมฤตที่รู้จักกันในชื่อศยัมภู ปุราณะนั้นมีไว้เพื่อประโยชน์ของพวกเขา.
---------------

1. พระรุทระ (रुद्र - Rudra) เป็นอีกชื่อหนึ่งของพระศิวะ.
2. ตีรถะ (तीर्थ - tīrtha) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการแสวงบุญด้วยน้ำ. ส่วนเกษตระ (क्षेत्र - Kṣetra) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการแสวงบุญที่ปราศจากน้ำ แต่บางครั้งคำเหล่านี้ก็ใช้แทนกันได้.
3. มุฮูรตะ (योग - muhūrta) เป็นระยะเวลา 48 นาที.
4. กฤษาณะ (क्षण - Kṣaṇa - moment) เป็นหน่วยวัดเวลาขนาดเล็กที่มีการตีความต่างกัน หนึ่งวินาทีหรือชั่วขณะหนึ่งก็แม่นยำเพียงพอแล้ว.
5. สังสารวัฏ (संसार - Saṃsāra - wandering) - วัฏจักรแห่งการเกิด การตาย และการเกิดใหม่ โดยภาพของการข้ามไปสู่อีกฝั่งหนึ่ง.
6. กัลปัทรุม (कल्पद्रुम - Kalpadruma)
 - ต้นไม้ (ทรุมะ) ที่ให้ผลสมความปรารถนาทุกประการ (Kalpa).
1.
2.
หน้าที่ 4 (30)
บุรุษผู้ดื่มน้ำอมฤต01 นี้จะไม่ทุกข์ทรมานจากความชราและกลายเป็นอมตะ. อมฤตในบันทึกของศยัมภูยังรับประกันว่าไม่มีใครในครอบครัวต้องทุกข์ทรมานจากความชรา. พวกเขากลายเป็นอมตะ. น้ำอมฤตตามที่บันทึกของพระศยัมภูยังรับประกันว่าไม่มีใครในครอบครัวต้องทนทุกข์กับความชรา. ซึ่งต้องได้รับการรับใช้เสมอ. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องได้รับการรับใช้เสมอ.1 เรื่องราวของศิวะ ปุราณะนี้ได้รับการชำระล้างอย่างบริสุทธิ์สูงสุดทันทีที่ได้ยินคำบรรยายของศิวะ ปุราณะ. ข้าพเจ้าจักกล่าวได้อย่างไรเล่า? อันเกี่ยวกับผลที่ผู้ที่ครอบครองพระศิวะไว้ในใจได้รับ.

       ในปุราณะนี้มี 24,000 โศลก แบ่งเป็นเจ็ดสังหิตา.2 เต็มไปด้วยคัมภีร์ภักติสามประเภท3,02  
---------------

1. ข้อความในพระคัมภีร์มีการเน้นย้ำจริง ๆ .
2. สังหิตา (संहिता - Saṃhitā) คือการรวบรวมบทสวด.
3. ภักติ (भक्ति - Bhakti) - ภักติประเภทแรกคือ ภักติบริสุทธิ์ ปราศจากความปรารถนาในผล ภักติประเภทที่สองคือ ปรารถนาผล ภักติประเภทที่สามคือภักติแบบผสม ซึ่งมีเป้าหมายทั้งสองอย่าง.  

หมายเหตุ และคำอธิบาย
01. อมฤต (अमरीता - Amarita) - น้ำอมฤต (Elixir) เป็นยาน้ำหรือเครื่องดื่มซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้ผู้ดื่มเป็นอมตภาพหรือคงความเยาว์วัยแห่งรูปร่างไว้ชั่วกัลป์ (ภาษาไทยมักเขียนว่า ชั่วกัปชั่วกัลป์ - เป็นการเน้นย้ำถึงความยาวนาน) บ้างก็ว่าสามารถคืนชีวิตหรือสร้างชีวิตใหม่ได้ เรียกว่าเป็นยาแก้สรรพโรคประเภทหนึ่ง นักเล่นแร่แปรธาตุ ตลอดช่วงเวลาและในหลากหลายวัฒนธรรม พยายามค้นหาวิธีการปรุงมันขึ้นมา.
02. ภักติ (भक्ति - Bhakti) มีหลายนิยามดังนี้

ภักติเทวี (Bhakti Devi), ที่มา: iskcondesiretree.com, วันที่เข้าถึง: 8 ธันวาคม 2568.
1.
     1). เป็นเทวีที่ประสูติในทราวิฑ เทศะ (ทราวิฑประเทศ ดราวิเดียน - द्राविडा देश - Drāviḍa deśa - หรือ มิลักขะ - मिलक्खा - Milakkha - กลุ่มชาติพันธุ์และตระกูลภาษาดั้งเดิมในอนุทวีปอินเดีย มีชนชาติทมิฬเป็นส่วนหนึ่ง ใช้ภาษา ทมิฬ เตลูกู กันนาดา) - ทางตอนใต้ และตะวันออกเฉียงใต้ของภารตวรรษ. ครั้งหนึ่งเทวีพร้อมบุตรชายสองคน คือ ชญานะ (ज्ञानम् - Jñāna) และไวราคยะ (वैराग्य - Vairāgya)ได้เริ่มต้นท่องไปยังเมืองโกกุล (गोकुल - Gokula - เป็นเมืองที่ศรีกฤษณะใช้ชีวิตในยามเยาว์วัย) และวฤนทาวัน (वृन्दावनम् - Vṛndāvana) ผ่านรัฐกรณาฏกะ (कर्णाटक - Karṇāṭaka - เดิมชื่อรัฐไมซอร์ - รัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ของภารตะ) รัฐมหาราษฎระ (महाराष्ट्र - Mahārāṣṭra - รัฐใหญ่ทางตะวันตกของภารตะ เป็นดินแดนที่ชาวมราฐาหรือมราฐี - मराठी - Marāṭhī - อาศัยอยู่ เป็นศูนย์กลางจิตวิญญาณที่สำคัญ) และ รัฐคุชราต (गुजरात - Gurjara หรือ Gujarātระหว่างการเดินทางอันยาวนาน เทวีภักติและบุตรชายทั้งสองก็ชราภาพลง แต่ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าสู่เมืองโกกุลและวฤนทาวัน เทวีภักติก็กลับกลายเป็นวัยสาวอีกครั้ง แต่บุตรชายทั้งสองยังคงชราภาพอยู่ ดังนั้นเทวีภักติจึงขอให้ฤๅษีนารทมุนี (नारद - Nārada - ดูรายละเอียดใน หมายเหตุ คำอธิบาย 01 หน้าที่ 22 ของ ง. บทนำ: ภควัทคีตา) ทรงทำให้บุตรทั้งสองกลับเป็นหนุ่มสาวอีกครั้ง ฤๅษีนารทมุนีทรงอ่านพระเวท เวทานตะ (อุปนิษัท) และภควัทคีตาให้ฟัง แต่ทั้งหมดก็ไร้ประโยชน์ บุตรชายทั้งสองของภักติเทวีก็ยังคงชราภาพอยู่ จากนั้น สนกะ สนันทะ และสานาทกุมาร (รายละเอียดดูใน หมายเหตุ คำอธิบาย ที่ 1 หน้าที่ ix ของ วิษณุปุราณะ.) จึงขอให้ฤๅษีนารทมุนีอ่านภาควตะ (भागवत - Bhāgavata รายละเอียดดูในหน้าที่ 1 ของ คัมภีร์ปุราณะ 1) ให้ฟัง ฤๅษีนารทมุนีก็ทำตาม และเหล่าบุตรของภักติเทวีก็กลับเป็นหนุ่มอีกครั้ง (อ้างถึง ปทฺมปุราณะ - पद्म-पुराण - Padma Purāṇa รายละเอียดดูในหน้าที่ 2 ของ คัมภีร์ปุราณะ 1).
1.
     2). ภักติ (भक्ति) หมายถึงหนึ่งในระบบความเชื่อและการบูชาที่หลากหลายซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีอยู่ในแคชเมียร์โบราณ (कश्मीर - Kaśmīra - กัศมีระ) ดังที่กล่าวไว้ในนีลมตปุราณะ (नीलमतपुराण - Nīlamatapurāṇa รายละเอียดดูในหน้าที่ 1 ของ คัมภีร์ปุราณะ 2) — ในส่วนของการบูชาภักติ นีลมตะจะแนะนำเทพเจ้าประจำตัวที่พร้อมช่วยเหลือผู้บูชาอยู่เสมอ ผู้ศรัทธาจะยอมมอบตนทั้งหมดต่อพระหัตถ์ของพระเจ้าผู้ทรงทำลายความทุกข์ทรมานของเขา พญานาควาสุกี (वासुकि - Vāsuki) ฤๅษีกัศยปะ (कश्यप - Kaśyapa) นีละ (Nīla) และปรศุราม (Paraśurāma) ล้วนเข้าหาพระวิษณุในฐานะผู้ศรัทธาที่อ่อนน้อมถ่อมตนและได้รับพรแห่งความปรารถนา พระศิวะเสด็จไปยังทะเลสาบกาโลทกะ (Kālodaka lake) เพื่อประทานพรแก่พระโคนนทิ (Nandī) นีละเทพนาค (The Nāga deity Nīla) ได้รับการอธิบายว่าเป็นผู้มีเมตตาต่อผู้ศรัทธาและเป็นผู้กระทำการอันดีงาม เงื่อนไขเดียวคือผู้บูชาต้องเข้าหาองค์เทพด้วยความศรัทธาอย่างแท้จริงและความรู้สึกยอมจำนน สิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตคือความศรัทธาในนีลมตะไม่มีองค์ประกอบพิเศษใด ๆ .


1.
2.

แหล่งอ้างอิง:
01. จาก. Shiva Purana Volume 1, แปลโดย Bibek Debroy, สำนักพิมพ์เพนกวิน แรนดอม เฮ้าส์ อินเดีย (Penguin Random House India), พ.ศ.2566, ISBN 9780143459699, ตีพิมพ์ในภารตะ.
02. จาก. www.wisdomlib.org.
1.
2.
3.

 
humanexcellence.thailand@gmail.com