MENU
TH EN

04. ปราสาทโปโรเม่

Title Thumbnail: ปราสาทโป โรเม่ ที่มา: vietnameonline.com, วันที่เข้าถึง 12 มิถุนายน 2564. Hero Image: ปราสาทโป โรเม่ ที่มา: en.wikipedia.org, วันที่เข้าถึง 12 มิถุนายน 2564.
04. ปราสาทโป โรเม่
First revision: Jun.12, 2021
Last change: Jun.12, 2021
สืบค้น รวบรวม เรียบเรียง และปริวรรตโดย
อภิรักษ์ กาญจนคงคา
 
ตำนานจากปราสาทโปโรเม่01.

       ในหมู่บ้านเฮ่า ไซ [Hau Sanh] จังหวัดนิงห์ถ่วน [Ninh Thuan] ซึ่งอยู่ทางตอนกลางมาทางใต้ของประเทศเวียดนาม มีภูเขาใหญ่ขนาดเท่า ๆ กัน สองลูกตั้งอยู่ระหว่างทุ่งข้าวอันอุดมสมบูรณ์ ในระหว่างเขาสองลูกนี้มีพื้นที่ราบเล็ก ๆ เป็นที่ตั้งของเนินเขาสูงราว 50 เมตร เป็นที่ตั้งของปราสาทโป โรเม่.

       ปราสาทโป โรเม่ ตั้งอยู่ห่างจากฟานรัง [Phan Rang] ราว 25 กิโลเมตร เป็นปราสาทที่มีความสมบูรณ์มากกว่าแห่งอื่น ๆ สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 17 บนยอดเนินเขาในจังหวัดนิงห์ ฟ๊วก [Ninh Phuoc] ชาวจามสร้างเพื่อถวายแด่กษัตริย์ โป โรเม่ [King Po Ro me] (ค.ศ.1627-1651) ผู้เป็นกษัตริยแห่งจามปาในช่วงสุดท้าย ในช่วงร่วมสมัยกับกษัตริย์อยุธยาคือรัชกาลสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง

       กษัตริย์โป โรเม่ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำชาวจามในการบุกเบิกที่ดิน สร้างระบบการชลประทาน พัฒนาการเกษตรกรรมที่นำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ประชาชนของพระองค์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นกษัตริย์ผู้พัฒนาระบบชลประทานเพื่อการเกษตรกรรมในท้องถิ่นของเมืองฟานรังหรือ ปัณฑุรังคะ [Panduranga] เรื่องราวต่าง ๆ ถูกจารึกที่แผ่นหินด้านหลัง ชาวจามในพื้นที่แถบนี้จดจำปราสาทหลังนี้สืบตลอดมาว่าเป็นปราสาทเพื่อสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่กษัตริยโป โรเม่ ผ่านรูปสลักแบบพระศิวะในลักษณะแบบท้องถิ่น โดยมักจะมีการทำพิธีกรรมเพื่ออ้อนวอนให้กษัตริย์ผู้ล่วงลับช่วยเหลือเมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปกติ ในขณะที่กษัตริย์โปโรเม่ถูกอ้างอิงว่าเดินทางไปพักอาศัยอยู่ที่กลันตันหลายปี และในช่วงหลังจากนี้กษัตริย์องค์สุดท้าย โป ซาอุดลซึ่งเป็นโอรสของโป โรเม่ก็รับศาสนาอิสลามอย่างชัดเจนกษัตริย์ไดเวียดเข้ายึดดินแดนจามปาและผลักดันให้คนจามอพยพลงทางใต้และเข้าสู่พื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทั้งในกัมพูชาและเวียดนามในปัจจุบัน จนเกิดการต่อสู้ของชาวจามหลายระลอก แต่ก็ต้องพ่ายแพ้แก่ชาวเวียดหรือชาวกิงห์ จนคนจามส่วนใหญ่อพยพออกมาอยู่อาศัยในพื้นที่ที่กล่าวไปและเหลือชาวจามในพื้นที่ไม่มากนักและพบอยู่มากที่สุดในจังหวัดนิงห์ถ่วนนี่เอง

       ตำนานท้องถิ่นที่สะท้อนถึงปัญหาและการล่มสลายของอาณาจักจามปาอันเก่าแก่ ที่มาถึงช่วงสุดท้ายในความทรงจำของคนจามในปัจจุบัน กล่าวถึง กษัตริย์โป โรเม่ถือกำเนิดจากมารดาที่สืบเชื้อสายมาจากชนชั้นสูงผู้ร่ำรวย และเล่ากันว่าถือเป็นหญิงบริสุทธิ์จนถือกำเนิดพระองค์ขึ้นมา บิดามารดาจึงไล่เธอออกจากบ้าน เธออาศัยอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ประทังชีวิตด้วยการเก็บข้าวตกตามนาและผักเท่าที่พอหาได้ เธอคลอดทารกชายใต้ต้นไม้นั้น ในช่วงขณะนั้น ก็ปรากฏมังกร ทำให้ชาวบ้านรอบ ๆ เลื่อมใสเข้ามาสร้างเพิงพักให้เธอ ก่อไฟให้ความอบอุ่นแก่ทารก เด็กชายได้รับชื่อว่า “โป โรเม่”

       เมื่อเติบโตขึ้น เด็ก ๆ ในรุ่นเดียวกันมักล้อเลียนว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ เขาจึงหนีออกจากหมู่บ้านไปอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่งใกล้กับเมืองฟานรังและต่อมาเขากลายเป็นคนดูแลฝูงควายของกษัตริย์มหัตถหะ [Mahataha] เพราะเขามีมังกรเป็นผู้คุ้มครองถือเป็นผู้มีบุญญาธิการกว่าคนทั่วไป ในเวลาต่อมา จึงได้รับเลือกเป็นกษัตริย์องค์ต่อมาจากการคัดเลือกของโหรเพื่อแต่งงานกับธิดาของกษัตริย์มหัตถหะ เบีย ถั่ง เจิ้นห์ [Bia Thanh Chih] ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งจามปาและตั้งเมืองหลวงอยู่ที่ กรอง ล่า [Krong la] ใกล้กับแม่น้ำ กรอง บิงห์ [Krong Binh]

       กษัตริย์โป โรเม่ เบื่อหน่ายอยู่บ้าง และเมื่อมเหสีของพระองค์เจ็บป่วย จึงถือโอกาสออกเดินทางรักษาไปที่เมืองลาว โดยเดินทางผ่าน “ดัลลัค” [Dac lac] พระองค์ก็ได้สาวชาวเผ่าระแดะ [Rhade] เป็นมหเสีอีกคนหนึ่ง โดยเฉลิมพระนามว่าเบีย ถั่ง จัน Bia Thanh Chanh และมีพระธิดาหลายองค์กับมเหสีองค์นี้ และให้ธิดาองค์โตแต่งงานกับเจ้าชายพิ ซอต [Phi Kchok] ซึ่งเจ้าชายผู้นี้เองที่ให้ข้อมูลแก่เจ้าชายเหวียน ฟุคเหวียน [Nguyen Phuc Nguyen] แห่งเวียดนามว่า กษัตริย์โป โรเม่ ชื่นชมในหญิงงามและมีพระโอรสองค์เดียว เจ้าชายแห่งเวียดนามจึงส่งเจ้าหญิงหง่อก ควา [Ngoc Khoa] ไปเป็นผู้ช่วยเจ้าชายพิ ชอต [Phi Kchok] โดยทำตัวเป็นแม่ค้าสาวแสนสวยในอาณาจักรจามปา ต่อมากษัตริย์โป โรเม่ได้ยินคำร่ำลือถึงความงามของนาง จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตกหลุมรักและได้นางเป็นมเหสีองค์ที่ 3 ในนามเบีย อุต [Bia Ut]

        พระนางเบีย อุต [Bia Ut] จึงเริ่มค้นหาความลับของอาณาจักรจามปาให้แก่พระบิดา จนค้นพบว่าต้นไม้ชนิดหนึ่ง ที่ปลูกอยู่ในพระราชวังเป็นสิ่งที่ปกป้องอาณาจักรจามปาไว้ จึงทำตามแผนของพระบิดาของนาง แกล้งเจ็บป่วยร้ายแรงจนทำให้กษัตริย์โป โรเม่กังวล หมอยาคนใดก็ไม่สามารถรักษาเธอให้หายได้ ทุกครั้งที่กษัตริย์มาเยี่ยม เธอจะพลิกตัวเพื่อให้ข้าวกรอบที่ซ่อนไว้ใต้เสื่อดังกร๊อบแกร๊บ เสมือนกระดูกลั่น จนทำให้กษัตริย์กังวลเพิ่มเป็นทวีคูณ เธอจึงบ่นว่าต้นไม้นี้เป็นเหตุทำให้เธอป่วย กษัตริย์จึงขอคำแนะนำจากหมอผี ซึ่งได้รับสินบนจาก เจ้าชายพิชอต [Phi Kchok] จึงกล่าวว่าเป็นเพราะต้นไม้ดังกล่าว จึงทำให้เธอป่วย

       แต่เมื่อขอคำแนะนำจากโหร ก็ถูกคัดค้านแข็งขันว่าไม่ให้ตัดไม้นี้ เพราะจะทำให้อาณาจักรจามปาล่มสลาย แต่กษัตริย์โป โรเม่ มีความรักอย่างลึกซึ้งต่อพระนางเบียอุต [Bia Ut] จึงปฏิเสธคำแนะนำนี้และลงมือตัดต้นไม้นั้นลง

       ปราสาทโป โรเม่ จัดให้เป็นโบราณสถานแห่งชาติเวียดนามเมื่อ ค.ศ.1992 ภายในประสาทองค์กลาง คนจามนำเอารูปเคารพกษัตริย์โป โรเม่ ในฐานะเป็นเทพคือพระศิวะ และมีแผ่นศิลาด้านหลัง มือสองข้างไว้ที่ท้องและมืออื่น ๆ อยู่ในท่าร่ายรำ แผ่นศิลาด้านหลังมีรูปเหมือนของขุนนางชั้นสูง 5 คน มีโคนนทิตัวเล็ก ๆ ทั้งสองข้าง ซึ่งทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนฐานโยนี ด้านขวามือของรูปเคารพนี้มีรูปปั้นของราชินีเบีย ถั่ง จัน [Bia Thanh Chanh] ด้านนอกปราสาท มีอาคารขนาดเล็กที่สร้างขึ้นภายหลังพื่อบูชาราชินีอีกองค์หนึ่งคือ ราชินีเบีย ถั่ง เจิ้นห์ [Bia Thanh Chih] และบริเวณกลางทุ่งซึ่งห่างไปราว ๆ 2 กิโลเมตร คนจามสร้างรูปเคารพมเหสีชาวกิงห์หรือชาวเวียดนาม ชื่อหง่อก ควา [Ngoc Khoa] ที่แต่ก่อนเล่ากันว่ามีรูปปั้นสิงโตหินสองตัวอยู่ระหว่างทางที่นำไปสู่รูปปั้นนี้ ซึ่งในปัจจุบันไม่พบรูปเคารพและรูปปั้นสิงโตนี้แล้ว


ที่มา คำศัพท์ และคำอธิบาย:
01. เรียบเรียงจากหนังสือ “นึกนอกรั้วข้อคิดเห็นเชิงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมผ่านการเดินทางห่างสยามประเทศ” โดย วลัยลักษณ์ ทรงศิริ, 2560. โดยผ่านห้อง "สยามเทศะ โดยมูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์", วันที่เข้าถึง 12 มิถุนายน 2564.
info@huexonline.com