MENU
TH EN

02B. บรรดาเหล่าปราชญ์ภารตะ

ภาพบรรดาเหล่าปราชญ์ภารตะ พัฒนาเมื่อ 6 ตุลาคม 2567.
02B. บรรดาเหล่าปราชญ์ภารตะ
First revision: Oct. 6, 2024
Last change: May 28, 2025
สืบค้น รวบรวม เรียบเรียง แปล และปริวรรตโดย
อภิรักษ์ กาญจนคงคา.
1.
หน้าที่ 1
   ไทย - ภาพ (ถ้ามี)  สันสกฤต-โรมัน-อังกฤษ  ศาสนา/สำนักแนวคิด  รายละเอียด
  ฤๅษีไชยมิณิ หรือ ไชมิณิ  जैमिनि - Jaimini  มีมางสา - मीमांसा  - Mīmāṁsā  ท่านประพันธ์มีมางสา สูตร (मीमांसा सूत्र - Mīmāṁsā Sūtra - MS.) ราวพุทธศักราชที่ 243-343 (หรือก่อนคริสต์ศักราชที่ 300-200) ท่านเป็นหนึ่งในปราชญ์คนสำคัญของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูโบราณ ท่านเป็นหนึ่งในศิษยานุศิษย์ของมหาฤๅษีวยาส ผู้ประพันธ์ มหาภารตยุทธ, ผู้เสนอและพัฒนาปรัชญาภูรวะ มีมางสา (ภูรวะ หรือ ปุรวะ Purva แปลว่า มีมาก่อน หรือทิศตะวันออก)
   อาทิ ศังกราจารย์
 
ที่มา: https://devdutt.com, วันที่เข้าถึง: 6 ต.ค.67
 Śaṁkara, आदिशङ्कर - Adi Shankara  อไทวตะ เวทานตะ  ท่านกำเนิดที่เมืองคาลาดี อาณาจักรเชระ ประมาณ พ.ศ.1343 หรือ ค.ศ.ที่ 8 อนิจกรรมที่เมืองเคดาร์นาท อาณาจักรกูรจะระ-ประทิหระ ประมาณ พ.ศ.1393 หรือ ค.ศ.750 เป็นปราชญ์และนักเทววิทยา ผลงานของท่านส่งผลกระทบอย่างมากต่อหลักคำสอนของอไทวตะ เวทานตะ ท่านได้ก่อตั้งสี่อาราม (Mathas) ซึ่งเชื่อกันว่าได้ช่วยพัฒนาฟื้นฟูประวัติศาสตร์ การขยายแนวคิดด้านอไทวตะ เวทานตะ. (ดูเพิ่มเติมใน ที่มา คำศัพท์ และคำอธิบาย ข้อ 02 ข.บทนำ: ภควัทคีตา)
   พระมหาวีระ, พระมหาวรรธมานะ
 
 महावीर - Mahāvīra  เชน (जैन - Jain)  รายละเอียดดูในศาสนาเชน
   สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
 बुद्ध - Lord Buddha  พุทธ (Buddhism)  รายละเอียดดูใน พระพุทธศาสนา และ A04. สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า.
   เกาฏิลยะ  कौटिल्य - Kauṭilya    บ้างก็เรียก จาณักยะ (चाणक्य - Cāṇakya) บ้างก็เรียก วิษณุคุปต์ (विष्णुगुप्त - Viṣṇugupta) ราว พ.ศ.174-261 (87 ปี) (หรือ ประมาณ 370-283 ปีก่อนคริสตกาล) ท่านกำเนิดทางใต้ของอินเดีย อสัญกรรมที่เมืองปาฏลีบุตร เป็นปราชญ์และเป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษาของพระเจ้าจันทรคุปต์ แห่งจักรวรรดิเมารยะ ต่อมาได้เป็นที่ปรึกษาของพระเจ้าพินทุสาร โอรสของพระเจ้าจันทรคุปต์ในเวลาต่อมา และเป็นผู้สนับสนุนพระเจ้าอโศกมหาราชในการขึ้นครองราชย์ ผลงานที่สำคัญ อรรถศาสตร์ (अर्थशास्त्र - Arthaśāstra) และ จาณักยนีติ (Cāṇakyaniti).
   มหาฤๅษีกฤษณะ ไทวปายนะ วฺยาส
 
 Vyās หรือ कृष्ण द्वैपायन वेदव्यास - Kṛṣṇa Dvaipāyana Vedavyāsa    ท่านเป็นโอรสของนางสัตยวดี กับ ฤๅษีปราศร และคลอดตรงบริเวณเกาะกลางแม่น้ำยมุนามีชื่อเต็มว่า กฤษณะ ทไวปายณะ เวทวฺยาส (कृष्ण द्वैपायन वेदव्यास - Kṛṣṇa Dvaipāyana Vedavyāsa) แปลว่าผู้มีผิวคล้ำ (कृष्ण - Kṛṣṇa - ดำ) เกิดบนเกาะ (द्वीप - Dvīpa - ทวีป) แห่งแม่น้ำยมุนา (यमुना नदी) นั่นเอง และ อายน (อา+ยานะ - आयन - āyana) แปลว่า การมาถึงหรือการเกิด การเข้าไปสู่ (ราศี) ต่อมาเปลี่ยนเป็น วฺยาส แล้วออกบวชตามบิดาอยู่ในป่าหิมาลัย ต่อมานางสัตยวดีผู้เป็นมารดาได้ให้ไปทำนิโยคกับมเหสีม่ายของวิจิตรวีรยะ น้องชายต่างบิดา จึงต้องหลับนอนกับมเหสี ทั้งสองและนางกำนัลอีก 1 คน จนมีโอรสคือท้าวธฤตราษฎร์ ท้าวปาณฑุ และท้าววิทูร ต่อมาโอรสของท้าวธฤตราษฎร์ และท้าวปาณฑุแย่งบัลลังก์กันและล้มตายจำนวนนับล้าน ท่านฤๅษีเกิดความรันทด จึงต้องการบอกเล่าเรื่องราวของลูกหลาน ที่ฆ่าฟันกันเอง จึงเชิญพระคเณศมาเขียน เป็นที่มาของมหาภารตยุทธ, ที่มา: th.wikipedia.org, วันที่สืบค้น 11 กุมภาพันธ์ 2560, ภาพ: www.mygodpictures.com, วันที่เข้าถึง 18 ธันวาคม 2565.
   คุรุ เคาฑปาทะ อาจารย
 गौडपाद - Gauḍapāda  อทไวตะ เวทานตะ - Advaita Vedanta  ท่านมีจริยวัตรปรากฎโลดแล่นราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 หรือคริสต์ศตวรรษที่ 8 เป็นคุรุคนแรกในสายปรัชญาฮินดูของสำนักอทไวตะ เวทานตะ (Advaita Vedanta) เชื่อกันว่าท่านเป็นคุรุผู้ยิ่งใหญ่ของอาทิ ศังกราจารย์ (Adi Śaṁkara) ผู้เป็นบุคคลสำคัญที่สุดคนหนึ่งในปรัชญาฮินดู เชื่อกันว่าท่านเป็นผู้ก่อตั้ง Shri Gaudapadacharya Math และเป็นผู้ประพันธ์หรือผู้รวบรวม Māṇḍukya Kārikā คุรุ เคาฑปาทะ อาจารย ได้เขียนหรือรวบรวม Māṇḍukya Kārikā หรือที่รู้จักในชื่อ Gauḍapāda Kārikā และ Āgama Śāstra
   รามานุชะ หรือ ศรีรามานุชาจารย์
 रामानुज - Rāmānuja  หรือ Sri Ramanujacharya  วิศิษฎาทไวตะ - Viśiṣṭādvaita Vedanta  และเป็นผู้นำที่สำคัญของลัทธิศรีไวษณพ สัมประทายะ (and the foremost Jeeyar of Sri Vaishnava Sampradaya) ท่านกำเนิดที่เมืองศรีเปรัมบูดูร์ (ปัจจุบันคือเมืองทมิฬ นาดู) อาณาจักรโชละ อินเดียใต้ 25 เมษายน พ.ศ.1560 หรือ ค.ศ.1017 อนิจกรรมที่เมืองศรีรันคัม อาณาจักรโชละ พ.ศ.1680 หรือ ค.ศ.1137 สิริ 120 ปี ท่านเป็นปราชญ์อินเดีย นักปฏิรูปสังคม และพัฒนาหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดของประเพณีด้านศรีไวษณพนิกายของศาสนาฮินดู รากฐานทางปรัชญาของท่านเป็นข้อคิดทางวิญญาณที่มีอิทธิพลต่อขบวนการภักติ (Bhakti Movement). (ดูเพิ่มเติมใน ที่มา คำศัพท์ และคำอธิบาย ข้อ 03 ข.บทนำ: ภควัทคีตา).
     อาจารย์ของท่านรามานุชะคือยาดาว ประกาศ (यादव प्रकाश - Yādava Prakāśa) ซึ่งเป็นปราชญ์ที่กล่าวกันว่าเป็นผู้นับถือลัทธิอทไวตะ เวทานตะ แต่มีแนวโน้มว่าจะเป็นลัทธิย่อยเภทาเภทะ (भेदाभेद - Bhedābheda - difference and non-difference) ประเพณีของศาสนาพราหมณ์-ฮินดูถือว่ารามานุชะไม่เห็นด้วยกับครูบาอาจารย์ของท่านและลัทธิอทไวตะ เวทานตะที่ไม่เป็นทวิภาวะ แต่กลับเดินตามรอยเท้าของลัทธิทมิฬ อาลวาร์ (Āḻvār - นักบวชและกวีทางใต้ของภารตะ ซึ่งอุปถัมภ์ลัทธิภักติ) ปราชญ์นาธมุนี (नाथमुनि - Nathamuni) และยมุนาจารย์ (यमुनाचार्य - Yamunāchārya) รามานุชะมีชื่อเสียงในฐานะผู้สนับสนุนหลักของสำนักวิศิษฎาทไวตะ เวทานตะ และสาวกของเขาอาจเป็นผู้ประพันธ์ตำราต่าง ๆ เช่น ศาฏยายนียะ อุปนิษัท (शाट्यायनीय उपनिषत् - Śāṭyāyanīya Upaniṣad) ท่านรามานุชะเองก็เขียนตำราที่มีอิทธิพล เช่น สันสกฤตภาสยะ เกี่ยวกับพรหมสูตร และภควัทคีตา.
   ศรี มาธวาจารย์ หรือ มาธวะอาจารย์
 माध्वाचार्य - Mādhava หรือ Madhvācārya  ไทวตะ เวทานตะ หรือทวินิยม  มาธวะ แปลว่า ผู้นำมาซึ่งฤดูใบไม้ผลิ ท่านถือกำเนิดบนชายฝังตะวันตกของรัฐกรณาฎกะ พ.ศ.1781 หรือ ค.ศ. 1238 และอนิจกรรมใน พ.ศ.1860 บ้างก็ว่า พ.ศ.1821 (หรือ ค.ศ.1317 บ้างก็ว่า ค.ศ.1278). ท่านเรียกปรัชญาของท่านว่าตัตวาทะ (तत्त्ववाद - Tattvavāda) ซึ่งหมายถึง "การโต้แย้งจากมุมมองของความสมจริง"  ในวัยรุ่น ท่านเป็นสันยาสี ร่วมกับคุรุอัชยุตเปรกษะ (Achyutapreksha) แห่งพรหมสัมปทายะแห่งนิกายเอกาทัณฑิ (Brahma-sampradaya of the Ekadandi order) ท่านมาธวะศึกษาปรัชญาคลาสสิกของศาสนาฮินดูและเขียนคำอธิบายเกี่ยวกับอุปนิษัทหลัก ภควัทคีตา และพระพรหมสูตร (ปราศธานตรัย, the Brahma Sutras (Prasthanatrayi)) และมีผลงานเป็นภาษาสันสกฤตถึง 37 ชิ้น ผลงานที่สำคัญของท่านคือ สรรพทรรศนะสังเคราะห์ (सर्वदर्शनसंग्रह - Sarvadarśanasaṁgraha) สไตล์การเขียนของท่านสั้นและกระชับมาก ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านคืออนุวักยัญญะ (Anuvyakhyana) ซึ่งเป็นส่วนเสริมทางปรัชญาของภาสยะของท่านเกี่ยวกับพระพรหมสูตรที่แต่งขึ้นด้วยโครงสร้างเชิงกวี ในผลงานบางชิ้นของท่าน ท่านประกาศตนเองว่าเป็นอวตารของวายุ บุตรของพระวิษณุ
   วิชญาณภิกษุ  विज्ञानभिक्षु  - Vijñānabhikṣu เวทานตะ, สาขยะ และโยคะ นำไปสู่ นีโอ เวทานตะ  ปราชญ์ฮินดูจากรัฐพิหาร มีชีวิตอยู่ระหว่าง พุทธศตวรรษที่ 21-22 ท่านได้ให้คำแนะนำในสำนักต่าง ๆ ของปรัชญาฮินดู โดยเฉพาะได้อรรถาธิบายเกี่ยวสำนักแนวคิดด้านโยคะของปตัญชลิฤๅษี การรวมเป็นหนึ่งเดียวของปรัชญาเวทานตะ โยคะ และสางขยะ. ท่านได้รับการพิจารณาว่ามีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อการเคลื่อนไหวด้านปรัชญาเวทานตะใหม่ในยุคปัจจุบัน.
   มหาฤๅษีปตัญชลิ
 पतञ्जलि - Patañjali โยคะสูตร  ท่านถือกำเนิดราว 200-150 ปีก่อนคริสตกาล ผลงานอันยิ่งใหญ่ของมหาฤษีท่านนี้ ที่มีต่ออารยธรรมมนุษย์คือผลงานชิ้นเอกของท่าน “โยคะสูตร” ซึ่งประกอบไปด้วยพระสูตรหรือหลักคำสอน 196 ประการ ซึ่งกล่าวถึง “ศาสตร์แห่งจิต” พระสูตรโยคะของปตัญชลีเป็นรากฐานของราชาโยคะ หรือเส้นทางแห่งการทำสมาธิเพื่อเข้าถึงพระผู้เป็นเจ้า ระบบโยคะที่ท่านสอนเป็นกุญแจสำคัญสู่ความศักดิ์สิทธิ์ภายในตัวมนุษย์ และสามารถเรียกได้ว่าเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของศาสตร์แห่งจิตวิญญาณ
   กณาทะ บ้างก็เรียก กรณาทะ
कणाद - Kaṇāda  ไวเศษิกะ (वैशेषिक - Vaiśeṣika) กณาทะ (เรียกอีกอย่างว่า อุลลูกา, กัศยปะ, กัณภักษะ หรือ กัณภุช) เป็นนักปรัชญาและนักวิทยาศาสตร์ธรรมชาติชาวอินเดียโบราณ ถือเป็นผู้ก่อตั้งสำนักหรือทรรศนะไวศษิกะแห่งปรัชญาอินเดีย และมักถูกเรียกว่า "บิดาแห่งทฤษฎีอะตอม"
   กปิลมุณี หรือ ฤๅษีกปิละ
 कपिल - Kapila  สางขยะ (सांख्य -Sāṃkhya)  ท่านเป็นฤๅษีในตำนานที่ “เชื่อกันว่าเป็นผู้ก่อตั้งระบบแนวคิดสางขยะ” แม้ว่านักวิชาการสมัยใหม่จะถือกันเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นปราชญ์ในตำนานก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว ท่านมักถูกยกย่องว่าเป็นผู้ประพันธ์สางขยาสูตร ซึ่งโดยไม่ต้องสงสัยเลย คัมภีร์เล่มนี้ถูกรวบรวมขึ้นในภายหลัง ในส่วนของวรรณกรรมอายุรเวช ร่องรอยของฤๅษีกปิลนั้นค่อนข้างหายาก สางขยะ-กปิละ ถูกกล่าวถึงในบทเริ่มต้นที่ 10, Ādī 10 ในจรคะ-สังหิตา-สูตรธานะ 26.8 (Caraka-saṃhitā Sūtrasthāna 26.8) ในการอภิปรายเกี่ยวกับการจำแนกประเภทของรสนิยม
   ภาสกราจารย์ หรือ ภาสกระ หรือ ภัสการยาจารย์  Bhāskara หรือ Bhāskarāchārya    มีชีวิตระหว่าง พ.ศ. 1657-1728 หรือ ค.ศ.1114-1185 ท่านเป็นนักคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ ผลงานด้านพีชคณิต หรือ ภาสกรที่ 2
         
   มัทสุธาณะ สรสวตี
 मधुसूदन सरस्वती -Madhusūdana Sarasvatī  อไทวตะ เวทานตะ  (ราว ค.ศ.1540-1640 หรือ ราว พ.ศ.2083-2183) ท่านกำเนิดและถึงแก่กรรมที่เบงกอล เป็นปราชญ์ในลัทธิอทไวตะ เวทานตะ และท่านอุทิศตนแด่พระกฤษณะ.
ปรสธานภีทะ (प्रस्थानभेद - Prasthānabheda) เป็นงานเขียนสำคัญของมหาคุรุมัทสุธาณะ สรสวตี กล่าวถึงประเด็นในการบูรณาการระบบศาสนาและปรัชญาต่าง ๆ ภายในกรอบแนวคิดด้านพระเวท ดังนั้นจึงถือเป็นงานเก่ากาลด้านแนวคิดเกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู.
   อุทยนะ หรือ อุทัยนะ หรือ อุทัยนาจารย์

ที่มา: x.com, วันที่เข้าถึง: 27 พ.ค.2568
 उदयन - Udayana หรือ उदयनाचार्य -  Udayanācārya  นยายะ  ปราชญ์และนักตรรกวิทยาภารตะที่สำคัญ ท่านถือกำเนิดที่หมู่บ้าน Kariyan เมืองมถิลา (ปัจจุบันคือพิหาร ภารตะ) ในช่วง พ.ศ.1518-1593 (ค.ศ.975-1050) ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ปรัชญานยายะ ท่านพยายามประสานมุมมองที่ยึดถือดดยสำนักตรรกะนยายะ และไวเศษิกะ ซึ่งกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของสำนัก Navya-Nyāya
ที่พยายามคิดค้นเทววิทยาที่มีเหตุผลเพื่อพิสูจน์การดำรงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยงานภาษาสันสกฤต นยายะกุสุมาญชลิ (न्यायकुसुमाञ्जलि - Nyāyakusumāñjali of Udayanācārya) แสดงให้เห็นถึงใช้ตรรกะและการตอบโต้ กับการกล่าวโจมตีถึงการดำรงอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า (นั้นดำรงอยู่จริงหรือไม่) โดยปราชญ์ด้านพระพุทธศาสนา เช่น พระภิกษุธรรมกีรติ (धर्मकीर्ति - Dharmakīrti) และ พระภิกษุญาณศรี (ज्ञानश्री - Jñānaśrī) และรวมทั้งต่อต้านสำนักวัตถุนิยมของอินเดีย (चार्वाक - จารวาก - Chārvaka).
   มัคส์ มึลเลอร์
 
ที่มา: sriramakrishna.in, วันที่เข้าถึง 27 พฤศจิกายน 2564.
 Max Müller (Friedrich Max Müller)    นักอักษรศาสตร์ และนักบูรพคดีศึกษา ชาวเยอรมัน (6 ธันวาคม พ.ศ.2366 - 28 ตุลาคม พ.ศ.2443) ซึ่งพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) เรียกท่านว่า "โมกษะมูลาจารย์", ที่มา: ส.ธรรมยศ จากหนังสือ "REX SIMEN SIUM หรือ พระเจ้ากรุงสยาม" หน้าที่ 23 สำนักพิมพ์ศรีปัญญา, นนทบุรี, พิมพ์ครั้ง พ.ศ.2563  
   บาทรายณะ  बादरायण - Bādarāyaṇa  เวทานตะ  ปราชญ์ภารตะที่มีชีวิต (ประมาณไว้กว้าง ๆ ) ระหว่างพุทธศักราชที่ 43-343 หรือราว 500-200 ปีก่อนคริสตกาล ท่านเขียนงานด้านพรหมสูตร ที่ต่อมางานของท่านเรียกว่า เวทานตะสูตร – มีนักวิชาการบางท่านกล่าวว่า แต่งานส่วนสำคัญในพรหมสูตรนั้น ได้พัฒนาไว้แล้ว ก่อนที่ปราชญ์บาทรายณะจะเขียนขึ้นต่อเติมภายหลัง อย่างไรก็ตามท่านก็ได้รับการยกย่องว่าได้เขียนงานพื้นฐานของระบบเวทานตะไว้.
   หริภทรา หรือ หริภัทรา หรือ อาจารย์ หริภัทรา ซุริ
Haribhadra, ที่มา: thestupa.com, วันที่เข้าถึง 6 ธันวาคม 2564.
 Haribhadra หรือ Aacharya Haribhadra Suri    ที่ทราบกันเป็นประเพณีว่าได้อนิจกรรมเมื่อก่อน พ.ศ.14 ปี หรือ ค.ศ.529 นั้น แต่ก็มีหลักฐานที่แน่ชัดกว่านั้นว่าท่านมีชีวิตอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 14 หรือคริสต์ศตวรรษที่ 9 มีผู้กล่าวไว้ไม่น้อยว่าท่านเปลี่ยนจากนับถือพราหมณ์มาเป็นเชน. ท่านยังคงมีชื่อเสียงในฐานะผู้เขียน "หนึ่งพันสี่ร้อยงานประพันธ์-Fourteen Hundred Prabandhas" (บทของผลงาน) และดูเหมือนว่าท่านจะเป็นหนึ่งในปราชญ์กลุ่มแรก ๆ ที่นำภาษาสันสกฤตมายังวรรณกรรมเชิงวิชาการของศาสนาเชน นิกายเศวตัมพร. ด้วยหกระบบนี้ บรรดาพราหมณ์ได้เข้าใจถึง สองมีมางสา สางขยะ และโยคะ นยายะ และไวศษิกะ. ในอีกมุมหนึ่งนั้น หริภทราได้แสดงอรรถาธิบายภายใต้นิกายปรัชญาเหล่านี้ไว้สั้นมากในแปดสิบเจ็ดโศลก แต่ค่อนข้างเป็นกลางในหลักการสำคัญของพุทธมากะ ผู้นับถือเชน และศิษยานุศิษย์ของปรัชญานยายะ ท่านเป็นนักพรตในศาสนาเชน นิกายเศวตัมพร (ยังมีข้อขัดแย้งเรื่องวันเกิด) ท่านมีชีวิตในช่วงก่อน พ.ศ.84-14 หรือ ค.ศ.459-529 ท่านประพันธ์หนังสือไว้หลายเล่มด้านโยคะ ศาสนาเปรียบเทียบ โดยได้สรุปวิเคราะห์ทฤษฎีของชาวฮินดู พุทธมามกะ และผู้นับถือเชนไว้.
1.
2.
หน้าที่ 2
   ไทย - ภาพ (ถ้ามี)  สันสกฤต-โรมัน-อังกฤษ  ศาสนา/สำนักแนวคิด  รายละเอียด
   กุมาริลละ หรือ กุมาริลละภณ  Kumārila Bhaṭṭa  มีมางสา  ประมาณ พ.ศ.1243 หรือ ค.ศ.700 เป็นปราชญ์สำนักปรัชญามีมางสา
   ศรีธระ หรือ ศรีธระ อาจารยะ  Śrīdhara หรือ Śrīdhara Ācāryya    ท่านมีชีวิตในช่วง พ.ศ.1413-1473 หรือ ค.ศ.870-930 ท่านถือกำเนิดแถบเบงกอลตะวันตก เป็นนักคณิตศาสตร์ บัณฑิตด้านภาษาสันสกฤต และนักปรัชญา
   วากัสปติ มิศระ บ้างก็เรียก วาจัสปติ มิศระ
 वाचस्पति मिश्र  - Vācaspati หรือ Vācaspati Miśra อทไวตะ เวทานตะ  ท่านถือกำเนิดที่เมืองมถิลา (ปัจจุบันคือพิหาร ภารตะ) พุทธศตวรรษที่ 14-15 หรือ คริสต์ศตวรรษที่ 9-10 และอนิจกรรมในพุทธศตวรรษที่ 14-15 หรือ คริสต์ศตวรรษที่ 9-10 ท่านเป็นปราชญ์ภารตะ พราหมณ์-ฮินดู ลัทธิอไทวตะ เวทานตะ ท่านได้ประพันธ์ถึงหมวดสาขาต่าง ๆ ของปรัชญาภารตะอย่างกว้างขวาง จนท่านเป็นที่รู้จักในนาม "ระบบหนึ่งที่ทุกระบบเป็นของตัวเอง - One for whom all systems are his own" หรือในภาษาสันสกฤตคือ सर्वतन्त्रस्वतन्त्रम् - Sarva-tantra-sva-tantra, มิศระท่านเป็นปราชญ์ที่สมบูรณ์พร้อม งานเขียนของท่านมีมากมายรวมทั้ง ภาษยะ (भाष्यः - bhāṣya - ข้อคิด - commentaries), ที่มา: en.wikipedia.org, วันที่เข้าถึง 10 มกราคม 2564. ภาพจาก: https://artsandculture.google.com/asset/vacaspati-misra/3gGDRT6aNo0NuQ, วันที่เข้าถึง 22 กุมภาพันธ์ 2565
   รกูนาทะ  Raghunātha  นยายะ  ท่านมีชีวิตอยู่ในช่วง พ.ศ.934-1004 หรือ ค.ศ.1477-1547 แถบเบงกอลตะวันตก เขาได้พัฒนาสำนักปรัชญาขึ้นใหม่ ในกลุ่มแนวคิดปรัชญานยายะ ชื่อว่า Navya Nyāya อันมีแนวคิดว่าสำนักปรัชญานี้เป็นตัวแทนของการพัฒนาขั้นสุดท้ายของตรรกะอย่างเป็นทางการของภารตะ ไปสู่จุดสูงสุดของพลังการวิเคราะห์.
   โคตมะ มหาฤๅษี
 गौतम महर्षि - Gautama Maharishi  พระเวท-นยายะ - Nyāya  ท่านเป็นปราชญ์ฮินดู และมีการกล่าวอ้างถึงทั้งในศาสนาเชน และพุทธศาสนา ท่านได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในเจ็ดปราชญ์ฤๅษีที่ยิ่งใหญ่ {One of the Saptarishis -สัปตะฤๅษี (Seven Great Sages Rishi)}, นยายะศาสตร์ (Nyāya-śāstra) นำไปสู่ความจริงแท้
   กัณวะ  Kaṇva พระเวท  ท่านเป็นฮินดูฤๅษี ประพันธ์บทสวดบางบทในฤคเวท ท่านมีเชื้อสายปราชญ์ฮินดูโบราณ บางครั้งท่านก็ได้รับเกียรติให้เป็นหนึ่งในเจ็ดปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ {One of the Saptarishis -สัปตะฤๅษี (Seven Great Sages Rishi)}.
   สายณะ หรือ สายณาอาจารยะ  Sāyaṇa หรือ Sāyaṇācārya  มีมางสา  ถึงแก่กรรมเมื่อ พ.ศ.1930 (ค.ศ.1387) เป็นปราชญ์ในสำนักปรัชญาสันสกฤตมีมางสา ท่านได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับพระเวท มีงานด้านการแพทย์ จริยธรรม ดนตรี และไวยกรณ์.
   มหาฤๅษี ทยานันทะ สรัสวตี  Dayānanda Sarasvatī    12 ก.พ. พ.ศ.2367 - 30 ต.ค.2426 เป็นนักปรัชญาอินเดียแนวพระเวท เป็นผู้นำทางสังคม ผู้ก่อตั้งอารยสมาช ซึ่ง ฯพณฯ ดร.สวรปัลลี ราธากฤษณัน เรียกท่านว่า ผู้สร้างอินเดียยุคใหม่ เทียบเท่ากับศรี อรพินโธ.
   ออโรบินโด กอช (ศรี อรพินโธ โฆษะตระกูล)
     15 สิงหาคม พ.ศ.2415 กัลกัตตา ภารตะ - 5 ธันวาคม พ.ศ.2493 ปูดูเชร์รี หรือ พอนดิเชอร์รี ภารตะ
   ราชา ราม โมฮัน รอย
 
 Ram Mohan Roy    เกิดเมื่อ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2315, เบงกอล อินเดีย - ถึงแก่กรรมเมื่อ 27 กันยายน พ.ศ.2376, บริสตอล อังกฤษ) เป็นนักการศาสนา สังคม นักปฏิรูปการเมืองชาวอินเดีย เกิดในตระกูลพราหมณ์ที่มีชื่อเสียง ท่านท่องไปทั่วในขณะที่เยาว์วัย ได้เปิดเผยตัวตนต่อวัฒนธรรมต่าง ๆ และพัฒนามุมมองที่ต่างออกไปจากศาสนาฮินดู. ในปี พ.ศ.2346 ท่านได้เขียนแผ่นพับประณามการแบ่งแยกทางศาสนาและความเชื่อทางไสยศาสตร์ของอินเดีย และสนับสนุนศาสนาฮินดูแบบมีพระผู้เป็นเจ้าเพียงพระองค์เดียว. ท่านจัดให้มีการแปลคัมภีร์พระเวทและอุปนิษัทสมัยใหม่ เพื่อเป็นพื้นฐานทางปรัชญาตามความเชื่อของท่าน ได้สนับสนุนเสรีภาพในการพูดและการนับถือศาสนา และประณามระบบวรรณะและพิธีสัตตี (suttee - หรือ Sati ในภาษาสันสกฤต - เมื่อสามีถึงแก่กรรม ภรรยาที่ยังมีชีวิตต้องโดนเผาตายตกตามสามีด้วย). ในปี พ.ศ.2369 ท่านได้ก่อตั้งวิทยาลัยเวทานตะ และในปี พ.ศ.2371 ได้ก่อตั้งพราหมณ์สมาจ (หรือสมาคมพราหมณ์). ที่มา: britannica.com, วันที่เข้าถึง 14 เมษายน 2565. 
 
 ริชาร์ด การ์เบ
 
 Richard Karl von Garbe สางขยะ  นักเขียนชาวเยอรมัน (9 มีนาคม พ.ศ.2400 - 22 กันยายน พ.ศ.2470) ผู้เขียน Die Bhagavadgita ในภาษาเยอรมันและเขียนบทความใน Journal: The Monist เรื่อง "Christian Elements in the Bhagavadgita" วันเดือนปีที่พิมพ์ 1 ตุลาคม พ.ศ.2456.
         
         
         
         
         
         
         
         
         






 
humanexcellence.thailand@gmail.com