MENU
TH EN

เที่ยวชมปราสาทเมืองพระนคร เมืองเสียมเรียบ ตอนที่ 2

Title Thumbnail & Hero Image: ปราสาทตาพรหม ถ่ายไว้เมื่อ 22 ตุลาคม 2561.
เที่ยวชมปราสาทเมืองพระนคร เมืองเสียมเรียบ ตอนที่ 201,02, 03.
First revision: Jun.11, 2020
Last change: Jun.13, 2020
ท่องเที่ยว บันทึกการท่องเที่ยว สืบค้นและรวบรวมข้อมูลโดย:
อภิรักษ์ กาญจนคงคา
 
 วัน-เดือน-เวลา  กิจกรรม  หมายเหตุ
 วันที่สาม:
จันทร์ที่ 22 ตุลาคม 61
07:20-07:45 น.
 ทานอาหารเช้าที่โรงแรม  
 05:31-06:45 น.  ถ่ายภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่นครวัด แล้วหาอาหารเช้าทาน  (ผมไม่ได้มา ตามกิจกรรมนี้)
 07:46-11:45 น.
  • ปราสาทตาพรหม (Ta Prohm) ***** เคยเป็น Location ในการถ่ายภาพยนตร์เรื่อง Tumb Raider ที่มี Angelina Jolie รับบทแสดงนำ
  • ปราสาทเจ้าสายเทวดา **
  • ปราสาทธมมานนท์ ***
 
 11:46-12:20 น.  ทานข้าวที่ร้านอาหารหน้านครวัด  
 12:31-16:30 น.
  •  ชมวัดพุทธทางทิศใต้ของนครวัด
  • ชมนครวัดแบบละเอียดส่วนที่เหลือ (โดยข้ามส่วนที่เป็นระเบียงคด ชั้นที่ 2)
 
 16:31-17:00 น.  สารถีมารับกลับที่ประตูด้านทิศตะวันออกของนครวัด  
 18:00-19:00 น.  เข้าที่พัก ทำธุระส่วนตัว  
 19:01-21:00 น.  หาอาหารค่ำทาน แล้วกลับที่พัก พักผ่อน  

     ตื่นมาแต่เช้า แล้วอาบน้ำแต่งตัวพร้อมอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่สำคัญคือ กล้องถ่ายรูป กระติกน้ำดื่ม สมุดโน้ต และผ้าเช็ดหน้าผืนกลาง รวบรวมใส่เป้พร้อมลุย ลงมาทานอาหารเช้าเหมือนเมื่อวาน (ออมเล็ต ขนมปังฝรั่งเศส กาแฟ แฮม) สารถีพูนลาภมารอผมตั้งแต่เช้า ก่อนที่ผมจะลงมาทานอาหารเสียอีก เมื่อทานเสร็จเรียบร้อย ก็ออกเดินทางตั้งแต่ยังไม่แปดโมง อากาศเย็นสบาย ลมโชยอ่อน ๆ  ขณะนั่งรถตุ๊ก ๆ มาทางถนนชาร์ล เดอ โกล เข้าสู่บริเวณเมืองพระนคร แล้วเบ้ขวามาทางตะวันออกเยื้องเหนือของเมืองเสียมเรียบ มาทางด้านหลังของนครวัด ครู่หนึ่งก็พบด่านตรวจตั๋ว พนักงานก็ตรวจและเจาะบัตรเรียบร้อย ก็ตรงมาเรื่อย ผ่านบริเวณปราสาทกระวาน รายละเอียดปราสาทกระวานแสดงใน "12. ปราสาทกระวาน" ด้านขวามือ วันนี้ผมตั้งใจว่าจะชมปราสาทตาพรหมตอนเช้า พูนลาภแนะว่าควรแวะปราสาทบันเตียกะได หรือ ปราสาทบันทายกุฎี (Banteay Kdei) ก่อนสักครึ่งชั่วโมง ด้วยปราสาทบันเตียกะไดเป็นปราสาทขนาดกึ่งกลางกึ่งใหญ่ และอยู่บนเส้นทางไปปราสาทตาพรหมอยู่แล้ว ไม่เสียเวลาอะไรมากนัก ผมเลยตกลงตามนั้น รายละเอียดปราสาทบันทายกุฎี แสดงใน "ปราสาทบันทายกุฎี"
 
         
ภาพจากซ้ายไปขวา: ซุ้มประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก, เมื่อผ่านเข้ามาด้านในจะมีทหารเขมรแดง (Khmer Rouge)
หรืออาจจะเป็นทหารส่วนรัฐบาล (นายพลลอนนอล) จากสงครามกลางเมือง ที่พิการมาเล่นดนตรี สีซอตีขิม รับบริจาคจากนักท่องเที่ยว
 
         

ภาพจากซ้ายไปขวา: ชานชลาหน้าปราสาท มีพญานาคขนาบอยู่สองข้างทางเดิน, ภายในซุ้มประตูชั้นที่ 2 มีพระพุทธรูป
(ตามแบบเถรวาท) ประดิษฐานอยู่ มีหญิงวัยกลางคน ทำบายศรีสู่ขวัญ คล้องเชือกคล้องหวายให้บริการนักท่องเที่ยว

 
     ผมชมปราสาทตั้งแต่ทางเข้าด้านทิศตะวันออก ที่น่าสนใจคือ รายละเอียดการแกะสลักบนหินทรายตรงขอบประตูเข้าและออก สวยงามและยิ่งใหญ่มาก ผมเดินตรงมาเรื่อย ๆ ตัวปราสาทอยู่ระนาบระดับเดียวกับพื้นฐาน มีการยกฐานบ้าง ไม่สูงนัก มีหญิงวัยกลางคนให้พรใส่ด้ายเหมือนบายศรีสู่ขวัญทางเหนือของบ้านเรา ให้บริการอยู่ ตรงปราสาทประธาน ผมร่วมทำบุญด้วยตามสมควร จากนั้นก็เดินตรงมาด้านหลังปราสาท มีพูนลาภรอรับอยู่แล้ว ผมใช้เวลากับที่ปราสาทนี้ราว 40 นาที จากนั้นก็เดินทางมายังปราสาทตาพรหม (Prasart Ta Prohm) กัน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก

ปราสาทตาพรหม
     รายละเอียดของปราสาทแห่งนี้ แสดงใน "ปราสาทตาพรหม " ผมเข้าประตูทางทิศตะวันออก มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน (ที่สังเกตดูเป็นชาวยุโรปและชาวจีน อย่างละครึ่ง) มีเด็ก ๆ มาเร่ขายของชำรวย หนังสือนำเที่ยวต่าง ๆ เซ้าซี้เยอะมาก ผมก็ทยอยปฏิเสธไปอย่างใจเย็น
    มีนักดนตรีพิการอยู่ระหว่างทางเข้าตัวปราสาท สองวง ผมบริจาคไปจำนวนหนึ่ง พอทราบว่าผมเป็นคนไทยก็เล่นเพลงมาตรฐาน "ลอยกระทง" ให้ฟังทันที พอผมขอเพลง "ลาวดวงเดือน" ก็เล่นไม่เป็นไม่รู้จัก ไม่เป็นไรครับ...!!!
     ที่ปราสาทตาพรหมนี้มีหน่วยงานทั้งภายรัฐและ NGOs จัดทำโครงการบูรณะกันหลายโครงการ หนึ่งในนั้นที่น่าสนใจคือ India Cambodia co-operation Project for conservation and restoration of Ta Prohm Temple มี UNESCO และมูลนิธิ APSARA ด้วย

 

 
 

    ปราสาทตาพรหมนี้ มีจุดน่าสนใจให้ถ่ายรูปเยอะมาก มีต้นสะปง (spung) เลื้อยพันเกาะกับหินปราสาท จนเป็นหนึ่งเดียวกันไปแล้ว กล่าวกันว่า หากตัดรื้อถอนต้นสะปงออกแล้ว ตัวปราสาทก็อยู่ไม่ได้พังทลายลงมา จึงต้องปล่อยไว้เช่นนั้น แต่ก็ค่อยตัดแต่งกิ่งก้านไม่ไม้โตไปมากกว่านี้ 
     การถ่ายรูป เพื่อได้มุมสวย ๆ เป็นไปได้ลำบาก เพราะนักท่องเที่ยวเยอะมาก ต้องรอคิวการถ่ายภาพมุมสวย ๆ โอกาสต่อไป คงต้องมาให้เช้ามาก ๆ นักท่องเที่ยวน้อย ๆ จะได้ถ่ายเก็บภาพที่สวยงามได้สมบูรณ์มากขึ้น 
 
ผังปราสาทตาพรหม เขียนโดย Maurica Glaize, ที่มา: aboutasiatravel.com, วันที่เข้าถึง 31 ตุลาคม 2562


ปราสาทตาแก้ว
     ผมไม่ได้ชม ได้แต่ผ่าน ๆ กำลังบูรณะกันยกใหญ่ โดยมีหน่วยงานจากสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้ามาช่วย ปราสาทตาแก้ว มีขนาดใหญ่โตมาก น่าสนใจ เอาไว้โอกาสต่อไป จะเข้ามาแวะชมและศึกษารายละเอียดต่อไป รายละเอียดแสดงใน "ปราสาทตาแก้ว"
 
 
          
ปราสาทเจ้าสายเทวดา
    เป็นปราสาทขนาดย่อม ๆ อยู่คนด้านกับปราสาทธมมานนท์  แห่งละฝากถนน มีหน่วยงานจากรัฐบาลสาธารณประชาชนจีนเข้ามาช่วยเหลือให้การบูรณะในระยะแรก รายละเอียดแสดงใน " ปราสาทเจ้าสายเทวดา"
     ผมใช้เวลากับปราสาทแห่งนี้ราว ๆ 40 นาที เป็นปราสาทขนาดกลาง บูรณะได้สมบูรณ์ มีทางเดินที่เข้าสู่วิหารหลัก มีเสานางเรียงขนาบสองข้างทาง

 
 

          
ปราสาทธมมานนท์
     จากนั้น ก็เดินตัดถนนผ่านมาฝั่งตรงข้ามเป็นปราสาทขนาดย่อม มีหน่วยงานจากเกาหลีใต้ มาช่วยเหลือให้การบูรณะจนเสร็จสมบูรณ์ รายละเอียดแสดงใน "ปราสาทธมมานนท์"
 
 
 
 
     ปราสาทธมมานนท์ บ้างก็เรียก ธรรมานนท์ (Thommanon) ที่หน้าบันปีกอาคารโคปุระ เป็น "คงคามูรติ" อายุในราวพุทธศตวรรษที่ 17
สอดคล้องกับ"คงคามูรติ" ถ้ำเอเลเฟนต้า (Elephanta Cave) หมายเลข 1 บนเกาะช้าง ใกล้เมืองมุมไบ ศิลปะในยุคราชวงศ์วากาฎกะ
อายุในราวพุทธศตวรรษที่ 11 ที่มา: EJeab Academies, วันที่สืบค้น 16 กรกฎาคม 2562

     พอชมปราสาทธมมานนท์เสร็จก็เที่ยงพอดี ให้พูนลาภขับตุ๊ก ๆ มาแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านเดิมหน้านครวัด "นารีเขมรเมืองพระนคร - Neary Khmer Angkor Restaurant" พูนลาภขับซิ่งมาก ตอนเข้าซอยย่อยก่อนถึงร้านอาหาร ขับปาดโค้งล้นซอย เกือบชนรถเก๋งที่สวนทางออกมา แม่ค้าขายของหน้านครวัดแถวนั้น ร้องกันกรี๊ดเลย นึกว่าชนกันแน่แล้ว หวิดไป
 
     ผมสั่งอาหารมาทานมีลกลัก และปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม (จากตนเลสาบ) อร่อยดี พักทานอยู่นานร่วมชั่วโมง เพราะเหนื่อยโฮก อากาศค่อนข้างร้อนอบอ้าว ทานไอติมแก้ร้อนอีกหนึ่งโคน


ชมปราสาทนครวัด (ต่อ)
     หลังจากทานอาหารกลางวันจนท้องตึงแล้ว ผมก็เดินตรงมายังหน้านครวัดทันที มีไกด์มัคคุเทศก์อิสระเห็นผมมาเดี่ยว ก็อาสาจะเป็นไกด์นำเที่ยวนครวัดให้ ผมก็ปฏิเสธไป ผมเดินข้ามสะพานทุ่นพลาสติกหยวบ ๆ มาชมและถ่ายรูปไปพลางแถวสะพาน และปราสาทด้านหน้า ถ่ายเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ผมเดินเข้ามาด้านใน ถ่ายภาพแกะนางอัปสราตามผนังหินทราย ที่อยู่ด้านหลังของปราสาทชุดหน้า 
     แล้วเดินตรงมายังบรรณาลัย (Library) สองหลังด้านหน้าของนครวัด อากาศร้อนอ้าว ผมถ่ายรูปและนั่งพักแถวระเบียงด้านนอกบรรณาลัยได้ครู่ ก็เดินอ้อมมาด้านด้านซ้ายของนครวัด มายังบริเวณวัดพุทธ นิกายเถรวาท ชื่อ วัด Angkor Cheng ผมหาน้ำมะพร้าวทานแล้วนั่งตรงระเบียงด้านมุมซ้ายของนครวัด บรรยากาศเงียบสงบไม่ค่อยมีคน ช่วงเวลานี้ก็บ่ายสองโมงแล้ว ผมถ่ายภาพสวย ๆ ได้หลายภาพ จากนั้นก็เข้าสู่นครวัด ถ่ายเก็บรายละเอียดที่ตกหล่นตรงระเบียงคตด้านนอก (ถ่ายภาพด้วย Mode ขาว-ดำเป็นส่วนใหญ่ เพราะเมื่อเวลาพิเคราะห์ดูจะเห็นรายละเอียดการแกะสลัก สูง ต่ำ เว้า มน คม ลึก และตื้น ได้ดีกว่า

 
 
ผมถ่ายภาพนครวัดจากระเบียงบรรณาลัยด้านหน้า ทางซ้ายมือของทางเข้า, และภาพผมเซลฟี่ตัวเองโดยมีนครวัดเป็นแบ็คกราวน์
 
 
หลังจากชมวัดพุทธ นิกายเถรวาท "วัด Angkor Cheng "แล้ว ก็มานั่งตรงระเบียงด้านข้างนครวัด แล้วเก็บภาพถ่ายนี้ไว้

    จากนั้นก็ออกมาถ่ายรูปภายในนครวัดชั้นที่สอง ถ่ายได้เยอะ มีนักท่องเที่ยวมากปานกลาง กราบนมัสการพระบรมวิษณุโลก ได้ครู่ ก็เดินกลับมาทางด้านหลัง (ทิศตะวันออก) แล้วเดินด้านนอก ถ่ายเก็บภาพวิว เดินอ้อมจากหลังมาทางขวาของนครวัด แล้วแวะทานนำดื่มอีกรอบ
    พอหายเหนื่อย ผมสาละวนถ่ายภาพต่อจนถึงราวสี่โมงเย็น ก็เหนื่อยมากโคตรแล้ว เดินมาด้านหลังนครวัด (ซึ่งได้นัดพูนลาภไว้ราว ๆ ห้าโมงครึ่งถึงหกโมง) แต่ผมก็มารอถึงก่อนตอนสี่โมงครึ่ง พูนลาภจอดตุ๊ก ๆ รออยู่แล้ว ผมทานน้ำมะพร้าวจากแม่ค้าตัวจิ๋ว สาวน้อยแถวนั้นได้ครู่ ก็นั่งตุ๊ก ๆ กลับเข้าที่พักทันที

    มาถึงที่พัก ก็อาบน้ำอาบท่าพักผ่อน หลับไปงีบใหญ่ พอพลบค่ำก็ออกมาเดินตลาด Night Bazar เหมือนเมื่อวาน ไม่รู้จะทานอะไรดี ก็ทานข้าวต้มกุ๊ยพร้อมกับข้าวร้านเดิมเหมือนเมื่อวาน อร่อยโอเค เดินแวะซุปเปอร์มาร์เก็ต ดูสบู่แชมพูหน่อยหนึ่ง สังเกตดูแล้ว ส่วนใหญ่สินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ตมาจากเมืองไทยบ้านเราร้อยละ 70 แต่ราคาก็แพงเอาเรื่อง เกือบ ๆ สองเท่า ผมไม่ซื้ออะไรมากนัก ได้แต่แกร่ว ๆ ชม สักพักก็เดินกลับที่พัก เพื่อเตรียมเที่ยวต่อแบบเบา ๆ เฉพาะในตัวเมืองเสียมเรียบ และเตรียมตัวกลับกรุงเทพมหานคร  


 
 วัน-เดือน-เวลา  กิจกรรม  หมายเหตุ
 วันที่สี่:
 อังคารที่ 23 ตุลาคม 61
 07:20-07:45 น.
 ทานอาหารเช้าในโรงแรม  
 07:45-11:00 น.  ชมเมือง ศาลองค์เจ็ดองค์จอม (Preah Ang Chek Preah Ang Chorm) 
 ชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกอร์ (Angkor National Museum)
 ฯ
 
 12:00-13:00 น.  เช็คเอาท์และเดินทางมาสนามบิน  
 13:01-13:45 น.  หาอาหารเที่ยงทานภายในสนามบิน  
 13:46-15:20 น.  เช็ค-อิน พักผ่อนรอขึ้นเครื่อง  
 15:21-16:25 น.  เดินทางกลับจากสนามบินเสียมราฐ - สนามบินดอนเมืองสายการบิน Air Asia เที่ยวบินที่ FD615  

     ตื่นขึ้นมาแต่เช้า แพ็คของเตรียมกลับบ้านได้เกือบสมบูรณ์ ก็อาบน้ำแต่งตัว เดินลงมาทานอาหารเช้าที่ล้อบบี้ด้านล่าง ทานกาแฟ ขนมปังแบบฝรั่งเศส แฮม เนยแยม อิ่มหนำแล้ว พอแปดโมงเช้าเศษ ผมก็สะพายกล้องและเป้ผ้าใบ เดินเลาะ ๆ ในตัวเมืองเสียมเรียบแบบสบาย ๆ มายังริมแม่น้ำเสียมเรียบ ดูตื้นเขินแคบ เหมือนจะเป็นคลองมากกว่า จากนั้นก็เดินบนฟุตบาทเลียบแม่น้ำเสียมเรียบมายัง ศาลองค์เจ็ดองค์จอม (Preah Ang Chek Preah Ang Chorm) เข้ามาสักการะและได้ถ่ายรูปเก็บไว้หลายภาพ มีประชาชนมาสักการะกันไม่ขาดสาย ในศาลก็มีวงมโหรีขนาดย่อมเล่นให้ผู้ศรัทธาที่มาสักการะและมาบริจาค ได้รับฟังและดูเป็นทางการมากขึ้น
 
ภาพจากซ้ายไปขวา: แม่น้ำเสียมเรียบยามเช้า, และหน้าศาลองค์เจ็ดองค์จอม

     จากนั้นผมก็เดินเลาะมาทางด้านหน้าโรงแรมราฟเฟิล แกรนด์ โฮเทล อังกอร์ นับเป็นโรงแรมเก่าแก่ 100 ปี ซึ่งตั้งอยู่ในตัวเมืองเสียมราฐ หน้าโรงแรมจะเป็นสวนสาธารณะลานกว้าง อยู่ถัดจากศาลองค์เจ็ดองค์จอมอยู่ 200 เมตร โรงแรมราฟเฟิลนี้ เสด็จในกรมฯ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยเสด็จมาประทับ และจิตร ภูมิศักดิ์ นักประวัติศาสตร์อัจฉริยะก็เคยมาพักที่นี่
 
 
ภาพจากซ้ายไปขวา:รูปเคารพองค์เจ็ดองค์จอม, และโรงแรมราฟเฟิล แกรนด์ โฮเทล อังกอร์



 

ที่มา คำศัพท์ และคำอธิบาย:
01.  จาก: หนังสือ 30 ปราสาทขอมในเมืองพระนคร โดย ภภพพล จันทร์วัฒนกุล สำนักพิมพ์เมืองโบราณ พิมพ์ครั้งที่ 2 ตุลาคม 2560.
02.  จาก: Michel Petrotchenko, Focusing On The Angkor Temples, The Guidebook 2017 Edition, ISBN 978-616-423-531-1, จัดพิมพ์ที่ บมจ.อมรินทร์ พรินติ้ง ประเทศไทย, ครั้งที่ 4 พ.ศ.2560.
03.  จาก: ANCIENT ANGKOR: BOOKS GUIDES, Michael Freeman, Claude Jacques, River Books, Bangkok, Thailand, 2013.




 

 
info@huexonline.com