นักปรัชญาสโตอิกที่มีชื่อเสียง, ที่มา: www.havefunwithhistory.com, วันที่เข้าถึง: 30 ธันวาคม 2566.
บันทึกประจำวันตามแนวปรัชญาสโตอิก: มกราคม
First revision: Dec.30, 2023
Last change: Jul.31, 2025
สืบค้น รวบรวม เรียบเรียง แปล และปริวรรตโดย อภิรักษ์ กาญจนคงคา.
1.
หน้าที่ 1
ปรัชญาสโตอิก (Stoicism) เป็นปรัชญาเชิงปฏิบัติที่ยึดหลักความเชื่อที่ว่าทุกคนสามารถมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ได้ ปรัชญาสโตอิกยึดมั่นว่าชีวิตที่ดีมีอยู่ในตัวเราในตอนนี้ แม้ว่าจะมีสถานการณ์ภายนอกจะไม่เอื้ออำนวยก็ตาม. อย่างไรก็ตาม เราต้องเต็มใจที่จะทำงานเพื่อปลูกฝังจิตใจให้สมบูรณ์. ปรัชญาสโตอิกสอนให้เรามุ่งความคิดและการกระทำของเราไปที่สิ่งที่เราควบคุมได้. เมื่อทำเช่นนี้ เราจะพัฒนาเจตคติทางจิตที่สมบูรณ์. ปรัชญาสโตอิกท้าทายให้เราประเมินทั้งสิ่งที่เราต้องการและสิ่งที่เราต้องการหลีกเลี่ยงไม่เผชิญ. ปรัชญาสโตอิกสอนให้เราเปลี่ยนความสนใจไปที่ความปรารถนาที่ดีต่อสุขภาพ และเมื่อเราทำเช่นนั้น เราจะพบว่าอารมณ์เชิงบวกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องมากขึ้น. เราจะได้รับความยืดหยุ่นทางอารมณ์ ซึ่งจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายต่อความสุขของเราได้.
เหนือสิ่งอื่นใด ปรัชญาสโตอิกมุ่งหมายที่จะทำให้เรามีทักษะในการใช้ชีวิต เราเรียกสิ่งนี้ว่า คุณธรรม (Virtue) ปรัชญาของแนวคิดสโตอิกฝึกฝนเราในด้านคุณธรรม: ปรัชญาจะหล่อหลอมคุณธรรมของเราให้เป็นคนที่พอใจ มีความสุข ยืดหยุ่น และสามารถดำเนินการที่ทำให้โลกนี้เป็นสถานที่ที่ดีขึ้นได้.
นักปรัชญาสโตอิกที่มีชื่อเสียงบางท่าน ประกอบด้วย:
- มาร์คัส ออริเลียส (Marcus Aurelius)
- อิพิกตีตัส (Epictetus)
ภาพอีพิคตีตัส พัฒนาขึ้นเมื่อ 19 กันยายน 2567.
- ซีโน แห่ง ซิเตียม (Zeno of Citium)
- คลีแอนเทส (Cleanthes)
- เซเนก้า (Seneca)
- มูโซเนียส รูฟัส (Musonius Rufus).
1.
หน้าที่ 2
12 ข้อคิดสำคัญ04.
- ควบคุมสิ่งที่ควบคุมได้: เราไม่สามารถควบคุมทุกสิ่งในชีวิตได้ แต่เราสามารถควบคุมปฏิกิริยาของตัวเองต่อสิ่งต่าง ๆ ได้.
- มุ่งเน้นที่ปัจจุบัน: อย่าไปยึดติดกับอดีต หรือกังวลกับอนาคตมากเกินไป จงใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันให้เต็มที่.
- ยอมรับความไม่แน่นอน: ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การยอมรับความจริงข้อนี้จะช่วยให้เราลดความวิตกกังวลลงได้.
- ฝึกฝนความอดทน: การฝึกฝนความอดทนจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับความยากลำบากได้อย่างมีสติ.
- ปล่อยวางสิ่งที่ไม่จำเป็น: การปล่อยวางสิ่งที่ไม่จำเป็นจะช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น.
- ฝึกสติอยู่เสมอ: การฝึกสติจะช่วยให้เราตระหนักรู้ถึงความคิดและอารมณ์ของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น.
- มองหาโอกาสในความยากลำบาก: ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ.
- เปรียบเทียบตัวเองกับตัวเอง: อย่าไปเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น.
- ทำดีที่สุดในทุก ๆ วัน: การทำดีที่สุดในทุก ๆ วันคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่.
- ขอบคุณในสิ่งที่เรามี: การขอบคุณในสิ่งที่เรามีจะช่วยให้เรามีความสุขมากขึ้น.
- เรียนรู้จากความผิดพลาด: ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต การเรียนรู้จากความผิดพลาดจะช่วยให้เราเติบโต.
- มีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น: การทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นจะทำให้เรามีความสุขและมีความหมายในชีวิต.
1.
หน้าที่ 3
มกราคม |
ความกระจ่าง (CLARITY) |
วันที่ 1 มกราคม
การควบคุมและทางเลือก
(CONTROL AND CHOICE) |
"หน้าที่หลักในชีวิตก็เพียงเท่านี้ คือ ระบุและแยกเรื่องเพื่อจะได้บอกกับตัวเองได้ชัดเจนถึงสิ่งภายนอกที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเรา และเกี่ยวข้องกับทางเลือกที่เราควบคุมได้จริง ๆ . แล้วฉันจะมองหาจากที่ไหน ความดีและความชั่วได้เล่า? ไม่ใช่เพื่อสิ่งภายนอกที่ควบคุมไม่ได้ แต่ภายในตัวฉันเองนั้น จะไปสู่การเลือกที่เป็นของฉันเอง..."
-- อีพิกตีตัส, วาทกรรม, 2.5-4.5
แนวทางปฏิบัติที่สำคัญที่สุดประการเดียวในปรัชญาสโตอิกคือ การแยกความแตกต่างระหว่างสิ่งที่เราเปลี่ยนแปลงได้กับสิ่งที่เราทำไม่ได้ สิ่งที่เรามีอิทธิพลเหนือและสิ่งที่เราทำไม่ได้ เที่ยวบินเกิดความล่าช้าเนื่องจากสภาพอากาศ การตะโกนใส่ตัวแทนสายการบินจะไม่ทำให้พายุสงบลงได้ ไม่มีความปรารถนาใดที่จะทำให้คุณสูงขึ้น เตี้ยลง หรือเกิดในประเทศอื่น ไม่ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน คุณก็ไม่สามารถทำให้คนอื่นเป็นแบบคุณได้ และยิ่งไปกว่านั้น เวลาที่ใช้เราในการเหวี่ยงตัวเองไปสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ มันก็เป็นเวลาที่ไม่ได้ใช้ไปกับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ (เสียเวลาเปล่า ๆ ).
ชุมชนแห่งการฟื้นฟูได้ปฏิบัติกับสิ่งที่เรียกว่า คำอธิษฐานแห่งความสงบ: "พระผู้เป็นเจ้า ได้โปรดประทานความสงบด้วยเถิด ให้ฉันยอมรับสิ่งที่ฉันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ฉันทำได้ และประทานสติปัญญาที่จะรู้ถึงความแตกต่างด้วยเทอญ" ผู้ติดยาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการทารุณกรรมในวัยเด็กได้. พวกเขาไม่สามารถยกเลิกตัวเลือกที่พวกเขาทำหรือความเจ็บปวดที่พวกเขาสร้างขึ้นได้. แต่พวกเขาสามารถเปลี่ยนอนาคตได้ ด้วยพลังที่พวกเขามีในช่วงเวลาปัจจุบัน. ดังที่ อีพิกตีตัสกล่าว, พวกเขาสามารถควบคุมตัวเลือกที่พวกเขาเลือกได้ในตอนนี้.
เช่นเดียวกับเราในปัจจุบัน หากเราสามารถมุ่งความสนใจไปที่การทำให้ชัดเจนว่าส่วนใดของวันของเราอยู่ในการควบคุมของเราและส่วนใดที่ไม่อยู่ในการควบคุม เราไม่เพียงแต่จะมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น แต่เราจะมีข้อได้เปรียบเหนือคนอื่น ๆ ที่ไม่ตระหนักว่าพวกเขากำลังต่อสู้กับการต่อสู้ที่ไม่อาจเอาชนะได้.
วันที่ 2 มกราคม
การศึกษาคืออิสรภาพ
(EDUCATION IS FREEDOM) |
"ผลของการสอนเหล่านี้คืออะไร? มีเพียงการเก็บเกี่ยวที่งามงดและเหมาะสมที่สุดเท่านั้นของผู้ได้รับการศึกษาอย่างแท้จริง - ความสงบ ความไม่เกรงกลัว และอิสรภาพ. เราไม่ควรวางใจกับเหล่าชนที่บอกว่ามีเพียงเสรีชนเท่านั้นที่จะได้รับการศึกษา แต่เราควรวางใจกับผู้ทรงปัญญา ที่กล่าวว่าผู้มีการศึกษาเท่านั้นที่จะเป็นอิสระ."
-- อีพิกตีตัส, วาทกรรม, 2.1.21-23a
ทำไมเราถึงหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา? ทำไมต้องหยิบหนังสือขึ้นมาสักเล่ม? ดูไม่ฉลาดเลย ไม่เสียเวลาบนเครื่องบินรอกหรือ จะไม่ได้ยินในสิ่งที่เราต้องการจะได้ยิน - มันมีตัวเลือกมากกว่าการอ่านมากมายนัก.
เปล่าเลย เราเลือกหยิบหนังสือเล่มนี้ก็เพราะเรากำลังเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต. เพราะเราต้องการที่จะเป็นอิสระมากขึ้น กลัวน้อยลง และบรรลุถึงสภาวะแห่งความสงบ. การศึกษา - เป็นการอ่านและการใคร่ครวญถึงภูมิปัญญาของผู้มีจิตใจที่งดงาม - ไม่ควรจักกระทำเพื่อตัวมันเอง. ทว่ามันมีจุดมุ่งหมาย.
โปรดจำไว้ว่าความจำเป็นในวันที่เราเริ่มรู้สึกฟุ้งซ่าน เมื่อดูโทรทัศน์หรือทานของว่าง ดูเหมือนเราจะใช้เวลาได้ดีกว่าการอ่านหรือศึกษาปรัชญา. ความรู้ - โดยเฉพาะความรู้เกี่ยวกับตัวเอง - นั่นคืออิสรภาพ.
วันที่ 3 มกราคม
จงอย่าปรานีกับสิ่งที่ไม่สำคัญ
(BE RUTHLESS TO THE THINGS THAT DON'T MATTER) |
“จะมีสักกี่คนที่ทำให้ชีวิตคุณสูญเปล่าโดยที่คุณไม่รู้ตัวว่าคุณกำลังสูญเสียอะไรไป เสียไปเท่าไหร่กับความโศกเศร้าอย่างไม่มีจุดหมาย ความสุขอันโง่เขลา ความโลภ ความปรารถนา ความเพลิดเพลินหลงระเริงในสังคม (เวลา) เหลือคุณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น. คุณจะได้รู้ว่าคุณกำลังจะตายก่อนเวลาอันควร!”
-- เซเนก้า, ในเรื่องสั้นแห่งชีวิต, 3.3b
สิ่งที่ยากที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตคือการพูดว่า "ไม่" เพื่อการเชิญชวน คำขอ ภาระผูกพัน ไปทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำกัน. ที่ยากกว่านั้นคือการปฏิเสธอารมณ์บางอย่างที่ใช้เวลานาน เช่น ความโกรธ ความตื่นเต้น ความฟุ้งซ่าน ความหลงใหล ความใคร่. แรงกระตุ้นเหล่านี้ไม่รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ด้วยตัวมันเอง แต่เมื่อเกิดการอาละวาดกระเจิดกระเจิงขึ้น พวกมันก็กลายเป็นความมุ่งมั่นเหมือนสิ่งอื่นใด.
มันจะกลับมาได้อย่างไร และเราจะรู้สึกยุ่งน้อยลงได้อย่างไร? เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้พลังของคำว่า "ไม่!" - เช่นเดียวกับคำว่า "ไม่ ขอบคุณ" และ "ไม่ ฉันจะไม่จมอยู่กับเรื่องนั้น" และ "ไม่ ฉันทำไม่ได้ในตอนนี้" มันอาจจะทำร้ายความรู้สึกบางประการ. มันอาจทำให้คนเลิกคบไปมาหาสู่กัน. อาจต้องทำงานหนักบ้าง. แต่ยิ่งเราปฏิเสธสิ่งที่ไม่สำคัญมากเท่าไร เราก็จะยิ่งตอบตกลงกับสิ่งที่ (เราต้อง) ทำมากขึ้นเท่านั้น สิ่งนี้จะช่วยให้เราใช้ชีวิตและมีความสุขกับชีวิต - ชีวิตที่เราต้องการ.
1.
มาร์คัส ออริเลียส พัฒนาขึ้นเมื่อ 18 กันยายน 2567.
วันที่ 4 มกราคม
สามส่วนที่ยิ่งใหญ่ (THE BIG THREE) |
1.
"
สิ่งที่เราต้องการคือ: ความแน่นอนของการตัดสินในปัจจุบันขณะ; การกระทำเพื่อส่วนรวมในช่วงเวลาปัจจุบัน; และเจตคติของความรู้คุณในปัจจุบันขณะสำหรับทุกสิ่งที่เข้ามาหาเรา."
-- มาร์คัส ออรีเลียส, การทำสมาธิ, 9.6
การรับรู้ การกระทำ ความตั้งใจ สิ่งเหล่านี้คือสามส่วนที่ทับซ้อนกันแต่มีความสำคัญอย่างยิ่งของลัทธิสโตอิกนิยม (เช่นเดียวกับการจัดระเบียบหนังสือเล่มนี้และการเดินทางประจำปีที่เราเพิ่งเริ่มต้น). ปรัชญายังมีอะไรมากกว่านั้นอย่างแน่นอน - และเราสามารถใช้เวลาทั้งวันพูดคุยเกี่ยวกับความเชื่อที่เป็นเอกลักษณ์ของสโตอิกต่าง ๆ: "นี่คือสิ่งที่เฮราคลิตัส (Heraclitus) คิด..." "เซโนมาจากซิเตียม (Citium) เมืองในไซปรัส และเขาเชื่อว่า... “ แต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวจะช่วยเราในแต่ละวันได้จริงหรือ? เรื่องที่ไม่สลักสำคัญจะให้ความชัดเจนอะไรได้?
คำเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ต่อไปนี้จะสรุปสามส่วนที่สำคัญที่สุดของปรัชญาสโตอิก ที่ควรค่าแก่การพกติดตัวเราทุกวันในทุกการตัดสินใจ:
ควบคุมการรับรู้ของเรา.
กำกับการกระทำของเราอย่างถูกต้อง.
ยินดียอมรับกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา.
นี่คือทั้งหมดที่เราต้องทำ.
วันที่ 5 มกราคม
อธิบายถึงความตั้งใจของเรา
(CLARIFY YOUR INTENTIONS) |
"ปล่อยให้ความพยายามทั้งหมดของเรามุ่งไปที่บางสิ่งบางอย่าง ปล่อยให้มันเก็บปลายทางนั้นไว้. มันไม่ใช่กิจกรรมที่รบกวนผู้คน แต่เป็นความคิดผิด ๆ เกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ต่างหาก ที่ทำให้พวกเขาบ้าคลั่ง"
-- เซเนก้า, ด้วยจิตใจอันเงียบสงบ 12.5
กฎข้อที่ 29 ของ (หนังสือ) กฎแห่งอำนาจ 48 ประการ คือ การวางแผนตั้งแต่ต้นจนจบ. ซึ่งโรเบิร์ต กรีน ได้เขียนไว้ว่า "ด้วยการวางแผนจนถึงที่สุด เราก็จะไม่จมอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ และเราจะรู้ว่าเมื่อไรควรหยุด. ค่อย ๆ เป็นการนำทางให้โชคลาภ และช่วยกำหนดอนาคตด้วยการคิดไกลไปข้างหน้า." นี่เป็นอุปนิสัยที่สองใน "The 7 Habits of Highly Effective People" ซึ่งเริ่มต้นจากก้นบึ้งของจิตใจ.
การมีจุดหมายในใจไม่ได้รับประกันว่าเราจะไปถึงจุดนั้น ไม่มีสโตอิกคนใดที่จะยอมรับสมมติฐานเช่นนั้น - แต่การที่ไม่มีจุดหมายในใจคือการรับประกันว่าเราจะไม่ทำ. สำหรับสโตอิกนั้น oiêsis (ความคิดที่ผิด) ที่มีความรับผิดชอบไม่เพียงแต่ต่อความปั่นป่วนในจิตวิญญาณเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตและการปฏิบัติการที่วุ่นวายและผิดปกติอีกด้วย. เมื่อความพยายามของเราไม่ได้มุ่งไปที่สาเหตุหรือจุดประสงค์ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำอะไรในแต่ละวัน? เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรควรปฏิเสธ และอะไรควรตอบตกลง? เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อไรที่เราออกนอกเส้นทาง หากเราไม่เคยนิยามว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร?
คำตอบคือเราไม่สามารถ. ดังนั้นเราจึงถูกผลักดันให้ล้มเหลว - หรือแย่กว่านั้นคือไปสู่ความบ้าคลั่งเนื่องจากการลืมเลือนความไร้ทิศทาง.
1.
2.
วันที่ 6 มกราคม
ที่ไหน ใคร อะไร และทำไม
(WHERE, WHO, WHAT, AND WHY) |
1.
"ผู้ที่ไม่รู้ว่าจักรวาลคืออะไร ไม่รู้ว่าตนอยู่ที่ไหน. ผู้ที่ไม่รู้ถึงเป้าหมายในชีวิตของตน ไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร หรือจักรวาลคืออะไร. ผู้ที่ไม่รู้อะไรบ้างเลยในสิ่งเหล่านี้ ย่อมจะไม่รู้ว่าตนมาที่นี่ทำไม. แล้วจะให้ผู้ที่เสาะแสวงหรือหลีกเลี่ยงคำสรรเสริญเยินยอจากคนที่ไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหนและตัวเขาเป็นใครได้อย่างไรเล่า?"
-- มาร์คัส ออเรเลียส, การทำสมาธิ, 8.52
มิทช์ เฮดเบิร์ก นักแสดงตลกผู้ล่วงลับไปแล้ว มีเรื่องราวตลก ๆ ที่เขาเล่าให้ฟังในการแสดงของเขา. ระหว่างนั่งให้สัมภาษณ์ออกอากาศอยู่นั้น จู่ ๆ ดีเจรายการวิทยุถามเขาว่า "แล้วคุณเป็นใคร" วินาทีนั้นเขาต้องคิดว่า คนนี้ลึกจริง ๆ หรือผมขับไปผิดสถานี?
บ่อยแค่ไหนที่เราถามคำถามง่าย ๆ เช่น "คุณเป็นใคร?" หรือ "คุณทำอะไร?" หรือ "คุณมาจากไหน?" เมื่อดูแล้วว่ามันเป็นเพียงคำถามผิวเผิน - ถ้าเราพิจารณาด้วยซ้ำ - เราจะไม่กังวลกับคำตอบผิวเผินนี้.
แต่หากมีปืนจ่อหัว คนส่วนใหญ่ไม่สามารถให้คำตอบที่สำคัญได้มากนัก. หรือเราสามารถ? เราได้ใช้เวลาทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าเราเป็นใครและยืนหยัดเพื่ออะไร? หรือเรายุ่งเกินไปกับการไล่ตามสิ่งที่ไม่สำคัญ เลียนแบบอิทธิพลที่ผิด และเดินตามเส้นทางที่น่าผิดหวัง หรือไม่สมหวัง หรือไม่มีอยู่จริงหรือเปล่า?
วันที่ 7 มกราคม
หน้าที่อันชัดเจนของจิตใจเจ็ดประการ
(SEVEN CLEAR FUNCTIONS OF THE MIND) |
“การทำงานของจิตใจที่ถูกต้องคือ การเลือก การปฏิเสธ การโหยหา การผลักไส การเตรียมการ จุดมุ่งหมาย และการยอมรับ. อะไรเล่า? จะก่อให้เกิดมลพิษและขัดขวางการทำงานของจิตใจได้ ไม่มีอะไรนอกจากการตัดสินใจที่เสียหายของมันเอง"
-- อีพิกตีตัส, วาทกรรม, 4.11.6-7
เรามาแจกแจงงานแต่ละอย่าง:
ทางเลือก - ที่จะทำและคิดให้ถูกต้อง
การปฏิเสธ - ของการล่อลวง
ความปรารถนาโหยหา - ให้ดีขึ้น
การขับไล่ผลักไส - การปฏิเสธ, อิทธิพลที่ไม่ดี, สิ่งที่ไม่เป็นความจริง
การเตรียมการ - สำหรับสิ่งที่อยู่ข้างหน้าหรืออะไรก็ตามที่อาจเกิดขึ้น
วัตถุประสงค์ - หลักการชี้นำของเราและมีความสำคัญสูงสุด
ยินยอมหรือยอมรับ - ปราศจากการหลอกลวงเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ภายในและภายนอกการควบคุมของเรา (และพร้อมที่จะยอมรับอย่างหลัง)
นี่คือสิ่งที่จิตใจได้ดำเนินอยู่. เราต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นเช่นนั้น และมองว่าสิ่งใดบ้างเป็นมลภาวะหรือการทำให้เลวร้ายลง.
วันที่ 8 มกราคม
พึงเห็นการเสพติดของเรา
(SEEING OUR ADDICTIONS) |
"เราต้องละทิ้งสิ่งเสพติด (หรือสิ่งติดยึด) หลายอย่าง โดยมองว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้ว, มิฉะนั้น ความกล้าก็จะหมดไป ซึ่ง (ความอยากในสิ่งเสพติด) จะทดสอบตัวเราเองอยู่เรื่อย ๆ . ความยิ่งใหญ่ในจิตวิญญาณของเราก็จะสูญหายไป ซึ่งไม่อาจยืนหยัดอย่างโดดเด่นได้ เว้นแต่จะไปดูหมิ่นดูแคลนสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฝูงชนถือเป็นที่พึงที่ยึดเหนี่ยวอยู่."
-- เซเนก้า, จดหมายด้านศีลธรรม, 74.12b-13,
สิ่งที่เราถือว่าเป็นการปล่อยตัวไปกับสิ่งที่ไม่เป็นอันตราย ซึ่งสามารถกลายเป็นสิ่งเสพติดที่เต็มเปี่ยมได้อย่างง่ายดาย. ดังเช่น เราเริ่มต้นด้วยกาแฟในตอนเช้า และในไม่ช้า เราก็ไม่สามารถเริ่มต้นวันใหม่ได้หากไม่มีกาแฟ. เราตรวจสอบอีเมลของเราเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของงานของเรา และในไม่ช้าเราก็รู้สึกถึงเสียงหึ่ง ๆ ของโทรศัพท์ในกระเป๋าของเราทุก ๆ สองสามวินาที. และในไม่ช้า นิสัยที่ดูไร้พิษภัยเหล่านี้ก็จะเข้ามาครอบงำชีวิตของเรา.
การบังคับและแรงผลักดันเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่เพียงแต่ทำลายเสรีภาพและความมีอำนาจอย่างอิสระของเราเท่านั้น. ยังบดบังความชัดเจนของเราอีกด้วย. เราคิดว่าเราควบคุมได้ แต่เราเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือ? ดังที่ผู้ติดยารายหนึ่งกล่าวไว้ การเสพติดคือการที่เรา "สูญเสียอิสรภาพในการละเว้น". ให้เราทวงอิสรภาพนั้นกลับคืนมา.
การเสพติดอะไรบ้างนั้น สำหรับเราแล้ว อาจแตกต่างกันไป: โซดา? ยาเสพติด? บ่น? ซุบซิบ? อินเทอร์เนต? การกัดเล็บ? แต่เราต้องเรียกความสามารถในการงดเว้นหรือการละทิ้งเสียกลับคืนมา เพราะนั่นคือความชัดเจนและการควบคุมตนเอง.
วันที่ 9 มกราคม
อะไรที่เราควบคุมได้และควบคุมไม่ได้
(WHAT WE CONTROL AND WHAT WE DON'T) |
“บางสิ่งอยู่ในการควบคุมของเรา ในขณะที่บางอย่างเราควบคุมไม่ได้. เราควบคุมความคิดเห็น การเลือก ความปรารถนา ความเกลียดชัง และกล่าวอีกนัยหนึ่ง ก็คือทุกอย่างที่เรากระทำ. เราไม่สามารถควบคุมร่างกาย ทรัพย์สิน ชื่อเสียง ตำแหน่งยศถาบรรดาศักดิ์ และ กล่าวง่าย ๆ ก็คือ ทุกสิ่งที่ไม่ใช่ของของเราเอง. ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่อยู่ในการควบคุมของเรานั้นก็อิสระเป็นไปตามธรรมชาติ ปราศจากสิ่งกีดขวาง ไม่ถูกขัดขวาง ในขณะที่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้นั้นก็อ่อนแอ เป็นข้าทาส สามารถขัดขวางได้ และไม่ใช่ของเราเอง”
-- อีพิกตีตัส, เอนชิริเดียน, 1.1-2
วันนี้เราจะไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ภายนอกที่เกิดขึ้นได้. มันดูน่ากลัวเหรอ? ขี้ปะติ๋ว แต่ก็สมดุลเมื่อเราเห็นว่าเราสามารถควบคุมความคิดเห็นของเราเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านั้นได้. เราก็ตัดสินใจว่าสิ่งเหล่านั้นดีหรือไม่ดี ยุติธรรมหรืออยุติธรรม. เราไม่ได้ควบคุมสถานการณ์ แต่เราควบคุมสิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับมัน.
เราเฝ้าดูว่ามันทำงานกันอย่างไร? ทุกสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา (มันเป็นเช่นนั้นเอง --- วลีที่ท่านพุทธทาสภิกขุ มักจะกล่าวบ่อย ๆ ) - มันเป็นเรื่องของโลกภายนอก ผู้อื่น โชคชะตา เวรกรรม หรือไม่ - เปล่าเลย...!!! มันยังคงนำแสดงเวียนวนอยู่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในการควบคุมของเรา. ด้วยความโดดเดี่ยวนี้ทำให้เรามีวิธีการจัดการและมีพลังที่มากมาย.
สิ่งที่ดีที่สุดคือความเข้าใจอย่างจริงใจต่อสิ่งที่อยู่ในการควบคุมของเราจะทำให้โลกมีความชัดเจนอย่างแท้จริง. ทั้งหมดที่เรามีคือจิตใจของเราเอง. โปรดจำไว้ว่า หากวันนี้เมื่อเราพยายามขยายขอบเขตออกไปภายนอก - นั่นจะดีกว่าไหมเมื่อเรามุ่งเป้าไปยังภายในด้วยความเหมาะสมมากขึ้น.
วันที่ 10 มกราคม
หากเราต้องการที่จะมั่นคง
(IF YOU WANT TO BE STEADY) |
“แก่นแท้ของความดีคือการเลือกอย่างมีเหตุผล เช่นเดียวกับแก่นแท้ของความชั่วก็เป็นอีกประเภทหนึ่ง. แล้วสิ่งภายนอกเล่า? สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงวัตถุดิบสำหรับการเลือกอย่างมีเหตุผลของเราเท่านั้น ซึ่งเราจะพบความดีหรือความชั่ว (การวนเวียนในสังสารวัฏ) ในตัวของมันเอง. เราจะพบสิ่งดี ๆ ได้อย่างไร ไม่ใช่โดยการตะลึงงันหลงใหลไปกับวัตถุ หากเราตัดสินเกี่ยวกับวัตถุนั้นตรงและถูกต้อง การเลือกของเรานั้นก่อผลดี แต่ถ้าการตัดสินเลือกบิดเบี้ยวผิดพลาดไป ก็จะทำให้เราแย่ลง”.
-- อีพิกตีตัส, วาทกรรม, 1.29.1-3
พวกสโตอิกแสวงหาความแน่วแน่ ความมั่นคง และความเงียบสงบ - อันสิ่งที่พวกเราส่วนใหญ่ปรารถนา แต่ดูเหมือนจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ช่วงขณะเท่านั้น. แล้วพวกสโตอิกจะบรรลุเป้าหมายอันเข้าใจยากนี้ได้อย่างไรเล่า? เราจะรวมการการุณฆาตได้ด้วยหรือไม่? (เป็นคำที่อาร์เรียน ใช้อธิบายคำสอนของอีพิกตีตัส).
มันไม่ใช่ว่าจะโชคช่วย. ไม่ใช่ว่าเป็นการขจัดอิทธิพลภายนอกหรือวิ่งหนีไปสู่ความเงียบสงบและสันโดษ. แต่มันเกี่ยวกับการกรองโลกภายนอกโดยผ่านการตัดสินของเรา. นั่นคือสิ่งที่เหตุผลของเราสามารถทำได้ - มันสามารถดึงธรรมชาติของเหตุการณ์ภายนอกที่คดเคี้ยว สับสน และท่วมท้น มาจัดให้เป็นระเบียบได้.
อย่างไรก็ตาม หากการตัดสินของเราลดเลี้ยวคิดคดเพราะเราไม่ใช้เหตุผล ทุกอย่างที่ตามมาก็จะคดตามไปด้วย และเราจะสูญเสียความสามารถของเราในการรักษาความแน่วแน่ในความสับสนวุ่นวาย และความเร่งรีบของชีวิต หากคุณต้องการที่จะกระจ่างแจ้งชัดเจน การใช้วิจารณญาณที่เหมาะสมเป็นวิธีที่ดีที่สุด.
จาก. Facebook, เพจ "Stoicism Daily", วันที่เข้าถึง: 9 กุมภาพันธ์ 2567.
วันที่ 11 มกราคม
หากเราต้องการที่จะไม่มั่นคง
(IF YOU WANT TO BE UNSTEADY) |
“เพราะหากบุคคลเปลี่ยนจากความระมัดระวังไปสู่การเลือกที่มีเหตุผลของตนเองและการกระทำของทางเลือกเหล่านั้น ในเวลาเดียวกันพวกเขาก็จะตระหนัก แต่หากพวกเขาเปลี่ยนความระมัดระวังจากการเลือกที่มีเหตุผลของตนเองไปสู่สิ่งที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเขาแล้วไซร้ ในที่สุดความพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ถูกผู้อื่นควบคุม ย่อมก่อให้เกิดความปั่นป่วน หวาดกลัว และไม่มั่นคง”.
-- อีพิกตีตัส, วาทกรรม, 2.1.12
ภาพลักษณ์ของปราชญ์เซนคือพระภิกษุบนเนินเขาสีเขียวอันเงียบสงบ หรือวัดที่สวยงามบนหน้าผาหิน. พวกสโตอิกเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับแนวคิดนี้ แต่พวกเขากลับเป็นผู้คนในตลาด เป็นวุฒิสมาชิกในสภา เป็นภรรยาผู้กล้าหาญที่รอคอยประติมากรที่ปั้นหรือแกะสลักรูปที่ยุ่งอยู่ในสตูดิโอของเธอ ถึงกระนั้น สโตอิกก็ยังสงบสุขไม่แพ้กัน.
อีพิกตีตัสเตือนเราว่าความสงบและความมั่นคงเป็นผลมาจากการตัดสินใจของเรา ไม่ใช่สภาพแวดล้อมของเรา หากเราต้องการหลีกเลี่ยงการรบกวนความสงบสุข - ผู้อื่น กิจกรรมภายนอก ความเครียด - เราจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ ปัญหาของเราจะติดตามคุณไปทุกที่ที่คุณวิ่งหนีและซ่อนตัว. แต่ถ้าเรายืนหยัดเผชิญ และเข้าใช้ความพยายามหลีกเลี่ยงการตัดสินที่เป็นอันตรายและก่อกวนซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาเหล่านั้น เราจะมั่นคงและแน่วแน่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไหนก็ตาม.
วันที่ 12 มกราคม
เส้นทางเดียวสู่ความสงบ
(THE ONE PATH TO SERENITY) |
“จงเตรียมความคิดนี้ให้พร้อมในยามรุ่งสาง, ตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน หนทางสู่ความสุขมีทางเดียวเท่านั้น นั่นคือการละทิ้งทุกสิ่งที่อยู่นอกขอบเขตจากทางเลือกของเรา, โดยไม่แยแสถึงสิ่งอื่นใดว่าเราเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ศิโรราบกับทุกสิ่งที่นำไปสู่พระผู้เป็นเจ้าและโชคลาภ.”
-- อีพิกตีตัส, วาทกรรม, 4.4.39
เช้านี้ เตือนตัวเองถึงสิ่งที่อยู่ในการควบคุมและนอกเหนือการควบคุมของเรา เตือนตัวเองให้มุ่งความสนใจไปที่สิ่งแรกไม่ใช่สิ่งหลัง.
ก่อนทานมื้อเที่ยง เตือนตัวเองว่าสิ่งที่เรามีอย่างแท้จริงก็คือการตัดสินใจของเรา (พร้อมใช้เหตุผลและวิจารณญาณ). นี่เป็นสิ่งที่แน่นอนที่สุดที่ไม่มีใครพรากไปจากเราได้.
ตอนบ่าย เตือนตัวเราเองว่านอกเหนือจากสิ่งที่เราเลือกแล้ว โชคชะตาไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเลย. โลกหมุนไปและเราก้หมุนไปพร้อมกับมัน ไม่ว่าจะไปในทางที่ดีหรือไม่ดี.
ยามเย็น เตือนตัวเราเองว่ามีสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรามากแค่ไหน และตัวเลือกของเราเริ่มต้นและสิ้นสุด ณ จุดใด.
ขณะที่เรานอนบนเตียง จงจำไว้ว่าการนอนหลับเป็นรูปแบบหนึ่งของการยอมแพ้และการวางใจ และมันเกิดขึ้นได้ง่ายมาก. จงเตรียมพร้อมรับวัฏจักรใหม่ที่จะเกิดขึ้นอีกครั้งในวันพรุ่งนี้.
วันที่ 13 มกราคม
วงกลมแห่งการควบคุม
(CIRCLE OF CONTROL) |
“เราควบคุมทางเลือกที่มีเหตุผลของเราไว้ และการกระทำทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับเจตจำนงทางศีลธรรมเท่านั้น. สิ่งใดที่ไม่อยู่ในการควบคุมของเรา คือ ร่างกายและอวัยวะ ทรัพย์สินของเรา พ่อแม่ ญาติพี่น้อง ลูก ๆ หรือประเทศชาติ - หรืออะไรก็ตามที่เราอาจเชื่อมโยงด้วย.”
-- อีพิกตีตัส, วาทกรรม, 1.22.10
สิ่งนี้สำคัญพอที่จะต้องทำซ้ำ ๆ คนฉลาดจะรู้ว่าอะไรอยู่ในขอบเขตการควบคุมของตนและนอกขอบเขตการควบคุม.
ข่าวดีก็คือมันค่อนข้างง่ายที่จะจดจำสิ่งที่อยู่ในการควบคุมของเรา. ตามแนวคิดของสโตอิก วงกลมแห่งการควบคุมมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น: จิตใจของเรา. ใช่แล้ว แม้แต่ร่างกายของเราจะไม่ได้อยู่ในวงกลมนี้ทั้งหมดก็ตาม. ท้ายที่สุดเราอาจประสบกับความเจ็บป่วยทางกายหรือความบกพร่องเมื่อใดก็ได้. เราอาจเดินทางไปต่างประเทศและติดคุก.
แต่ทั้งหมดนี้ถือเป็นข่าวดี เนื่องจากมันจะช่วยลดจำนวนสิ่งที่คุณต้องพิจารณาได้อย่างมาก. มีความชัดเจนในความเรียบง่าย. ในขณะที่คนอื่น ๆ วิ่งวุ่นอยู่กับรายการรายละเอียดความรับผิดชอบยาวหนึ่งไมล์ (ซึ่งจริง ๆ แล้ว เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ควรรับผิดชอบ) เรามีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องจัดการ: ทางเลือกของเรา ความตั้งใจของเรา จิตใจของเรา.
วันที่ 14 มกราคม
จงตัดเชือกที่เหนี่ยวรั้งจิตใจของท่านออกเสีย
(CUT THE STRINGS THAT PULL YOUR MIND) |
“ในที่สุด จงเข้าใจว่าท่านมีบางอย่างในตัวที่ทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์มากกว่าสิ่งที่ทำให้เกิดกิเลสตัณหาทางร่างกาย และดึงรั้งท่านไว้เหมือนหุ่นเชิด ตอนนี้ความคิดอะไรครอบงำจิตใจของฉันเล่า? ไม่ใช่ความกลัว ความสงสัย ความปรารถนา หรืออะไรทำนองนั้นหรอกหรือ?.”
-- มาร์คัส ออรีเลียส, การทำสมาธิ, 12.19
ลองนึกถึงการได้เสียทั้งหมดที่จะมายื้อขอแบ่งเงินในกระเป๋าสตางค์ของเรา หรือเพื่อความสนใจจากเราสักเสี้ยววินาที นักวิทยาศาสตร์ด้านโภชนาการ จะพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อสนองต่อมรับรสของเรา. บรรดาวิศวกรที่ซิลิคอน วัลเล่ย์กำลังออกแบบชุดคำสั่งประยุกต์ที่น่าดึงดูดพอ ๆ กับการเล่นพนัน. สื่อกำลังผลิตเรื่องราวเพื่อปลุกเร้ากิเลส และความชิงชัง.
สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของสิ่งยั่วยุและแรงผลักดันที่เข้ามาหาเรา ซึ่งคอยกวนใจเราและดึงเราให้ห่างจากสิ่งที่สำคัญอย่างแท้จริง. โชคดีที่มาร์คัสไม่ได้เผชิญกับวัฒนธรรมปัจจุบันสุดโต่งเหล่านี้. แต่เขาก็รู้จักกับสิ่งเร้าที่กวนใจมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการนินทา การเรียกร้องที่ไม่สิ้นสุดจากงาน (นายจ้าง) ตลอดจนความกลัว ความสงสัย ความใคร่. มนุษย์ทุกคนล้วนถูกดึงดูดด้วยแรงผลักดันจากภายในและภายนอก ซึ่งมีพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ และยากต่อการต้านทาน.
ตัวปรัชญานั้น เพียงแค่ขอให้เราใส่ใจและพยายามทำตัวให้มากกว่าเบี้ย ดังเช่นที่วิกเตอร์ แฟรงเคิลกล่าวไว้ในหนังสือ The Will to Meaning ว่า "มนุษย์ถูกผลักดันโดยแรงขับ แต่ถูกดึงกลับโดยค่านิยม - Man is pused by drives but pulled by values." ค่านิยมและความตระหนักรู้ภายในเหล่านี้ป้องกันไม่ให้เราเป็นหุ่นเชิด. แน่นอนว่าการใส่ใจต้องอาศัยการทำงานและความตระหนักรู้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าถูกหลอกล่อด้วยเชือก?
วันที่ 15 มกราคม
ความสงบสุขอยู่ที่การเดินหน้าต่อไป
(PEACE IS IN STAYING THE COURSE) |
“ความสงบสุขนั้น ไม่สามารถเข้าถึงได้ ยกเว้นโดยผู้ที่บรรลุถึงพลังแห่งการตัดสินใจที่มั่นคงและแน่วแน่ - ส่วนที่เหลือจะล้มและลุกขึ้นในการตัดสินใจของตนอย่างต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า ลังเลใจในสภาวะที่ปฏิเสธและยอมรับสิ่งต่าง ๆ สลับกันไปมา. สาเหตุของการสลับไปมานี้คืออะไร? เป็นเพราะไม่มีอะไรชัดเจน และพวกเขาพึ่งพาแนวทางที่ไม่แน่นอนอย่างยิ่ง นั่นคือความเห็นร่วมกัน”.
-- เซเนก้า, จดหมายด้านศีลธรรม, 95.57B-58a
ในบทความของเซเนก้าเกี่ยวกับความสงบสุข เขาใช้คำภาษากรีก euthymia ซึ่งเขาให้คำจำกัดความว่า "การเชื่อมั่นในตนเองและเชื่อมั่นว่าเราอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง และไม่มีข้อสงสัยใด ๆ โดยเดินตามทางเดินเท้านับไม่ถ้วนของผู้ที่หลงทางไปทุกทิศทุกทาง" เขากล่าวว่าสภาวะจิตแบบนี้เองที่สร้างความสงบสุข.
การมองเห็นที่ชัดเจนจะช่วยให้เรามีความเชื่อได้นี้ นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นเช่นนั้นทุกอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์เสมอไป หรือเราควรจะเป็นแบบนั้นด้วยซ้ำ. แต่เราสามารถมั่นใจได้ว่า โดยทั่วไปแล้วเรากำลังมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้อง - นั่นคือเราไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา หรือเปลี่ยนใจทุก ๆ สามวินาทีตามข้อมูลใหม่ ๆ ที่ประดังเข้ามา.
ในทางกลับกัน ความสงบและสันติจะบังเกิดขึ้นเมื่อได้กำหนดเส้นทางของเราเองและยึดมั่นกับมันนี้ไว้. โดยยึดมั่นตามเส้นทาง ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยที่นี่ที่นั่นตามธรรมชาติ - ทว่าจะเพิกเฉยต่อเสียงไซเรนที่คอยกวนใจซึ่งโบกมือเรียกให้เราหันไปทางกองหินที่ไม่มีประโยชน์ใด ๆ .
1.
2.
3.
วันที่ 16 มกราคม
อย่าทำอะไรตามนิสัย
(NEVER DO ANYTHING OUT OF HABIT) |
“ดังนั้น ในเรื่องอื่น ๆ ส่วนใหญ่ เราจะจัดการกับสถานการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับสมมติฐานที่ถูกต้อง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะทำโดยทำตามนิสัยที่ไม่ดี. เนื่องจากสิ่งที่ฉันพูดไปทั้งหมดเป็นเรื่องจริง บุคคลที่กำลังฝึกฝนต้องพยายามที่จะก้าวข้าม เพื่อหยุดการแสวงหาความสุขและหลีกหนีจากความเจ็บปวด หยุดการยึดติดกับชีวิตและเกลียดชังความตาย และในกรณีของทรัพย์สินและเงินทอง หยุดการให้คุณค่ากับการได้รับมากกว่าการให้.”
-- มูโซเนียส, คำบรรยายของรูฟัส, 6.25.5-11
คนงานถูกถามว่า “ทำไมคุณถึงทำแบบนี้” คำตอบคือ “เพราะเราทำแบบนี้มาตลอด” คำตอบนี้ทำให้เจ้านายที่ดีทุกคนหงุดหงิดและทำให้ผู้ประกอบการทุกคนน้ำตาร่วง. คนงานจะหยุดคิดและทำงานโดยขาดสติสัมปชัญญะ. ซึ่งธุรกิจพร้อมที่จะถูกคู่แข่งเข้ามาแย่งชิง และคนงานคนนี้ก็อาจจะถูกเจ้านายที่คิดมากไล่ออกเอาได้.
เราควรใช้ความโหด ๆ แบบเดียวกันกับนิสัยของเราเอง. ในความเป็นจริง เราศึกษาปรัชญาเพื่อเลิกพฤติกรรมซ้ำซากจำเจ. ค้นหาสิ่งที่เราทำโดยอาศัยความจำหรือกิจวัตรประจำวัน. เราต้องพูดกับตัวเองว่า: นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดจริง ๆ หรือไม่? เรารู้ว่าทำไมเราถึงทำสิ่งที่เราทำอยู่อย่างนี้ - จงทำด้วยเหตุผลที่ถูกต้อง.
1.
2.
3.
.
วันที่ 17 มกราคม
ตั้งต้นใหม่กับงานที่แท้จริง
(REBOOT THE REAL WORK) |
“ฉันเป็นครูของเธอ และเธอกำลังเรียนรู้ในโรงเรียนของฉัน เป้าหมายของฉันคือการนำเธอไปสู่ความสำเร็จ ไร้สิ่งกีดขวาง ปราศจากพฤติกรรมที่ย้ำคิดย้ำทำ ไร้การยับยั้ง ไร้ความละอาย เป็นอิสระ เจริญรุ่งเรือง และมีความสุข มองหาพระผู้เป็นเจ้าในสิ่งใหญ่ ๆ และสิ่งเล็ก ๆ เป้าหมายของเธอคือการเรียนรู้และฝึกฝนสิ่งเหล่านี้อย่างขยันขันแข็ง แล้วทำไมเธอจึงไม่ทำงานให้สำเร็จล่ะ ถ้าเธอมีเป้าหมายที่ถูกต้อง และฉันก็มีทั้งเป้าหมายที่ถูกต้องและการเตรียมตัวที่ถูกต้อง? อะไรที่ยังขาดอยู่? ... งานนั้นสามารถทำได้จริง และเป็นสิ่งเดียวที่เราสามารถทำได้... ปล่อยวางอดีต เราต้องเริ่มต้นเท่านั้น เชื่อฉัน แล้วเธอจะเห็นเอง.”
-- อีพิกตีตัส, ปาฐกถา, 2.19.29-34
เธอจำได้ไหม ในโรงเรียนหรือช่วงต้นชีวิต เธอเคยกลัวที่จะลองทำอะไรสักอย่าง เพราะกลัวว่าจะล้มเหลว? วัยรุ่นส่วนใหญ่เลือกที่จะเล่นสนุกมากกว่าที่จะทุ่มเท ความพยายามที่ไร้ความเต็มใจและเกียจคร้านทำให้พวกเขามีข้ออ้างสำเร็จรูปว่า "ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้พยายามด้วยซ้ำ"
เมื่อเราอายุมากขึ้น ความล้มเหลวก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป สิ่งที่เดิมพันไม่ใช่เกรดที่ไร้ค่าหรือถ้วยรางวัลกีฬาภายใน แต่เป็นคุณภาพชีวิตของคุณและความสามารถในการรับมือกับโลกรอบตัว.
แต่อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นมาทำให้คุณหวาดกลัว คุณมีครูที่ดีที่สุดในโลก นักปรัชญาที่ฉลาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา และไม่เพียงแต่คุณจะมีความสามารถเท่านั้น ครูยังขอสิ่งที่เรียบง่ายมาก นั่นคือแค่เริ่มลงมือทำ ส่วนที่เหลือจะตามมา.
1.
2.
วันที่ 18 มกราคม
ให้มองโลกเหมือนดั่งกวีและศิลปิน
(SEE THE WORLD LIKE A POET AND ARTIST) |
"จงผ่านพ้นช่วงเวลาอันสั้นนี้ไปอย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ และจงไปสู่ที่พักผ่อนสุดท้ายอย่างสง่างาม ดุจดังผลมะกอกสุกที่ร่วงหล่น สรรเสริญผืนดินที่หล่อเลี้ยงมัน และขอบคุณต้นไม้ที่ทำให้มันเติบโต"
-- มาร์คัส ออรีเลียส, การทำสมาธิ, 4.48.2
มีสำนวนภาษาที่สวยงามน่าทึ่งมากมายใน Meditations หรือการทำสมาธิ ของมาร์คัส ซึ่งถือเป็นสิ่งน่าประหลาดใจเมื่อพิจารณาถึงกลุ่มเป้าหมาย (เพียงแค่ตัวเขาเอง). ในข้อความตอนหนึ่ง เขายกย่อง “เสน่ห์และยั่วยวน” ของกระบวนการทางธรรมชาติ “ก้านข้าวสุกที่โค้งงอลง คิ้วขมวดมุ่นของสิงโต ฟองที่หยดลงมาจากปากหมูป่า” เราต้องขอบคุณมาร์คัส คอร์เนเลียส ฟรอนโต ครูสอนวาทศิลป์ส่วนตัวสำหรับภาพพจน์ในข้อความอันทรงพลังเหล่านี้. ฟรอนโต ซึ่งได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นนักพูดที่ดีที่สุดของโรมรองจากซิเซโร ได้รับเลือกจากบิดาบุญธรรมของมาร์คัสให้สอนมาร์คัสให้คิด เขียน และพูด.
ไม่ใช่แค่วลีที่ไพเราะเท่านั้น แต่ยังมอบมุมมองอันทรงพลังให้กับเขา และตอนนี้รวมถึงเราด้วย เกี่ยวกับเหตุการณ์ธรรมดา ๆ หรือเหตุการณ์ที่ดูไม่งดงาม. ต้องใช้สายตาของศิลปินจึงจะมองเห็นว่าจุดสิ้นสุดของชีวิตนั้นไม่ต่างจากผลไม้สุกที่ร่วงหล่นจากต้น. ต้องใช้ความเป็นกวีจึงจะสังเกตเห็นวิธีที่ “การอบขนมปังแตกเป็นเสี่ยง ๆ และรอยแตกเหล่านั้น แม้จะไม่ได้ตั้งใจไว้ในศิลปะการทำขนมปัง แต่ก็ดึงดูดสายตาและกระตุ้นความอยากอาหารของเรา” และหาคำอุปมาอุปไมยในนั้น.
การมองเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นนั้นมีความชัดเจน (และมีความสุข) เห็นไหม การได้พบความสง่างามและความสมดุลในที่ที่คนอื่นมองข้าม มันดีกว่าการมองโลกในแง่ร้ายเสียอีก.
1.
2.
วันที่ 19 มกราคม
ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ที่นั่นก็มีทางเลือกของคุณเสมอ
(WHEREVER YOU GO, THERE YOUR CHICE IS) |
1.
"ไม่ว่าแท่นให้คำปราศัย และเรือนจำ ต่างก็เป็นสถานที่แห่งหนึ่งเท่านั้น แห่งหนึ่งอยู่สูง อีกแห่งอยู่ต่ำ แต่ไม่ว่าสถานที่ใด คุณก็ยังคงสามารถรักษาเสรีภาพในการเลือกเอาไว้ได้ หากคุณต้องการ."
-- อีพิกตีตัส, ปาฐกถา, 2.6.25
พวกสโตอิกล้วนมีสถานะในชีวิตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง. บางคนร่ำรวย บางคนเกิดมาในลำดับชั้นอันเข้มงวดของกรุงโรม. บางคนมีชีวิตที่ง่ายดาย และบางคนก็ยากลำบากอย่างเหลือเชื่อ. เรื่องนี้ก็เป็นจริงสำหรับเราเช่นกัน เราทุกคนต่างมาศึกษาปรัชญาจากภูมิหลังที่แตกต่างกัน และแม้แต่ในชีวิตของเราเอง เราก็ต้องเผชิญกับทั้งโชคดีและโชคร้าย.
แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด ไม่ว่าจะยากลำบากหรือได้เปรียบ เรามีเพียงสิ่งเดียวที่ต้องทำ นั่นคือ มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่เราควบคุมได้ แทนที่จะควบคุมสิ่งที่ควบคุมไม่ได้. ในตอนนี้ เราอาจกำลังเผชิญกับความยากลำบาก ในขณะที่เมื่อไม่กี่ปีก่อน เราอาจใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย และในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราอาจทำได้ดีจนความสำเร็จกลายเป็นภาระ. สิ่งหนึ่งที่จะคงอยู่ตลอดไปคือ เสรีภาพในการเลือกของเรา ทั้งในภาพรวมและภาพย่อย.
ท้ายที่สุดแล้ว นี่คือความชัดเจน. ไม่ว่าเราจะเป็นใคร ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน สิ่งสำคัญคือทางเลือกของเรา. ทางเลือกเหล่านั้นคืออะไร? เราจะประเมินทางเลือกเหล่านั้นอย่างไร เราจะใช้ประโยชน์จากทางเลือกเหล่านั้นให้มากที่สุดได้อย่างไร นั่นคือคำถามที่ชีวิตถามเรา ไม่ว่าเราจะมีสถานะอย่างไร แล้วคุณจะตอบอย่างไร.
1.
2.
วันที่ 20 มกราคม
จุดประกายความคิดของคุณอีกครั้ง
(REIGNITE YOUR THOUGHTS) |
1.
Reignite Your Thoughts, พัฒนาขึ้นเมื่อ 31 กรกฎาคม 2568.
1.
"หลักการของคุณจะไม่สูญสิ้นไป หากคุณไม่ดับความคิดที่หล่อเลี้ยงมัน เพราะพลังของคุณนั้นสามารถจุดประกายความคิดใหม่ ๆ ขึ้นมาใหม่ได้เสมอ. ...เป็นไปได้ที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่! มองสิ่งต่าง ๆ ใหม่เหมือนที่คุณเคยทำ นั่นคือวิธีเริ่มต้นชีวิตใหม่!"
-- มาร์คัส ออรีเลียส, การทำสมาธิ, 7.2
สองสามสัปดาห์มานี้คุณมีช่วงเวลาที่แย่ ๆ บ้างไหม? คุณเริ่มละทิ้งหลักการและความเชื่อที่คุณยึดถือหรือเปล่า? ไม่เป็นไรเลย มันเกิดขึ้นกับเราทุกคน.
ที่จริงแล้ว มันน่าจะเกิดขึ้นกับมาร์คัส นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เขาเขียนบันทึกนี้ถึงตัวเอง บางทีเขาอาจจะกำลังรับมือกับสมาชิกวุฒิสภาที่มีปัญหา หรือกำลังมีปัญหากับลูกชายที่กำลังมีปัญหา บางทีในสถานการณ์แบบนี้ เขาอาจจะโมโห ซึมเศร้า หรือไม่ก็เลิกเช็คตัวเอง ใครบ้างจะไม่ทำแบบนั้นบ้างล่ะ?.
แต่สิ่งที่เตือนใจตรงนี้คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าพฤติกรรมของเราจะน่าผิดหวังเพียงใดในอดีต หลักการต่าง ๆ เหล่านั้นก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เราสามารถหวนกลับมายอมรับมันได้ทุกเมื่อ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวาน หรือเมื่อห้านาทีที่แล้ว ล้วนเป็นอดีตไปแล้ว เราสามารถจุดไฟและเริ่มต้นใหม่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ.
แล้วทำไมไม่ทำตอนนี้เลยล่ะ?
แหล่งอ้างอิง:
01. THE DAILY STOIC, 366 วิธีแห่งการมีสมาธิพร้อมด้วยปัญญา ความเพียร และศิลปะแห่งการดำรงชีวิต, ไรอัน ฮอลิเดย์ และสตีเฟน แฮนเซลแมน, พ.ศ.2559, สำนักพิมพ์ Penguin Random House, ตีพิมพ์ครั้งที่ 25, ISBN 9780735211735 (ปกแข็ง), นิวยอร์ค, สหรัฐอเมริกา.
02. The Beginner's Guide to STOICISM, เครื่องมือสำหรับความยืดหยุ่นทางอารมณ์และความคิดเชิงบวก, แม็ทธิว เจ. ฟาน นัทตา, ALTHEA PRESS, พ.ศ.2562, ISBN: อีบุ๊ก 978-1-64152-722-4.
03. THE PRACTING STOIC: คู่มือผู้ใช้ด้านปรัชญา, เขียนโดย วาร์ด ฟานสเวิร์ธ, สำนักพิมพ์ Godine, ตีพิมพ์ครั้งที่ 8 พ.ศ.2566, ISBN 9781567926118, บอสตัน, แมสสาชูเซ็ตส์, สหรัฐอเมริกา.
04. จาก. นักปราชญ์สโตอิกรู้วิธี "ช่างแม่ง" มาตั้ง 2,500 ปี, เฟสบุ๊ค, เพจของผู้ใช้นามว่า Surasit Jittrechao, วันที่เข้าถึง 12 กรกฎาคม 2568.
1.
2.
3.