MENU
TH EN

เยือนภารตะ: ดินแดนพุทธบิดร นมัสการ สังเวชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา

เยือนภารตะ:ดินแดนพุทธบิดร นมัสการ สังเวชนียสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา
First revision: Dec.4, 2024
Last change: Dec.11, 2024
บรรยายการท่องเที่ยว นมัสการสิ่ง/สถานที่ที่พุทธศาสนิกชนพึงเคารพสักการะโดย
อภิรักษ์ กาญจนคงคา.
1.
หน้าที่ 1

       นระหว่างวันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2567 ถึง อาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568 ผมได้วางแผนเดินทางไปภารตะกับบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ประเทศที่จะไปคือสาธารณรัฐภารตะ (อินเดีย) และสหพันธสาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล โดยมีสถานที่ กิจกรรมไฮไลท์ ดังนี้:
  • กราบสักการะพระคันธกุฎี (คันธกุฎี หรือ พระมูลคันธกุฎี Mulagandhakuti - กุฎีที่มีกลิ่นหอม - สถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า) บนยอดเขาคิชกูฏ (Gridhrakuta Hill) เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ (ปัจจุบันคือจังหวัดนาลันทา รัฐพิหาร ภารตะ - เขาคิชกูฏเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า ในพรรษาที่ 2, 5, 7 และพรรษาสุดท้ายก่อนเสด็จดับขันธปรินิพพาน).
  • ชมมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก.
  • กราบหลวงพ่อองค์ดำแห่งเมืองนาลันทา.
  • ชม "วัดเวฬุวัน" วัดแห่งแรกในพุทธศาสนสถานที่กำเนิด "วันมาฆะบูชา" ณ กรุงราชคฤห์.
  • เยือน "เมืองพาราณสี" นครศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ที่มีอายุกว่า 4,000 ปี.
  • ล่องเรือชมพิธีอาบน้ำชำระบาปของชาวฮินดู ริมฝั่งแม่น้ำคงคา.
  • รวม 8 วัน 7 คืน พักเดี่ยว ค่าใช้จ่ายรวมทิปไกด์ (2,000.-- บาท) เป็นเงินทั้งสิ้น 63,400.-- บาท

วันแรก อาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม 2567
 ช่วงเวลา   รายละเอียดกำหนดการ  หมายเหตุ และอื่น ๆ
 08:00 น.   ทุกท่านพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเคาน์เตอร์เช็คกรุ๊บของสายการบินไทย (TG) อาคารผูู้โดยสารระหว่างประเทศขาออก ชั้น 4 ประตู 2 เคาน์เตอร์ D เจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ.   ผมต้องเตรียมกระเป๋าโหลดใต้ท้องเครื่องบิน ไม่เกิน 20 kg. และ Power Bank นำขึ้นเครื่องฯ 15,000 mAh (milli-Amphere-hour - ซึ่งต่ำกว่า 20,000 mAh สามารถนำขึ้นเครื่องได้) เตรียมอาหารแห้ง น้ำปลา หมูหยอง น้ำพริกเผา น้ำพริกปลาย่าง เกี่ยมฉ่ายแบบไทย ๆ ไปด้วย
 และเตรียมกล้องพระเอก Nikon Zf พร้อม Zoom Lens จัดเต็ม เสื้อกันหนาว หยูกยาที่จำเป็นพร้อม สตังค์แลกเป็นรูปี และซื้อยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ พร้อมทิป หากเดินเข้าสถานที่สำคัญต่าง ๆ .
 10:55 น.   ออกเดินทางสู่เมืองคยา ภารตะ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 327 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2:30 ชั่วโมง) มีอาหารกลางวันบนเครื่องบิน.   คงไม่ต้องเตรียมหมอนใช้งีบบนเครื่องบินแล้ว เพราะไปกลางวัน กลับก็ช่วงบ่าย
 12:40 น.   (เวลาท้องถิ่น-ช้ากว่าเมืองไทย 1:30 ชั่วโมง) ถึงท่าอากาศยานนานาชาติเมืองคยา ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
 - ออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศไปยังโรงแรม Oaks Hotel หรือเทียบเท่า.
  เช็คอินให้เรียบร้อย พกของติดตัวเพื่อท่องเที่ยว เท่าที่จำเป็น (ชุดกล้อง พาสสปอร์ต น้ำดื่ม กระเป๋าสตังค์มีเฉพาะเงินรูปีฯ ยาหม่อง หยูกยา ฯ).
 14:00 น.   ออกจากที่พักไปบริเวณพระมหาเจดีย์และต้นศรีมหาโพธิ์ พุทธสังเวชนียสถานที่ 1.   การแต่งกาย: สุภาพ รองเท้าแบบสวมถอดง่าย เพราะต้องถอดรองเท้าขณะเข้าไปในพุทธสถาน สวมถุงเท้าได้ (เขาไม่ให้นำโทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์สื่อสารและอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด เข้าภายในบริเวณ).
 - ค่าธรรมเนียมกล้องถ่ายรูปบริเวณองค์เจดีย์พุทธคยา (กล้องธรรมดา 100 รูปี, กล้องวิดีโอ 300 รูปี).
 14:30 น.  ถึงบริเวณองค์พระมหาเจดีย์พุทธคยาและต้นศรีมหาโพธิ์ ชม สัตตมหาสถาน สถานที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุติสุขหลังจากตรัสรู้แล้วทั้ง 7 แห่ง ประกอบด้วย:
 1). พระแท่นวัชรอาสน์ - ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ทรงประทับเสวยวิมุตติสุขตลอด 7 วัน (ตลอดสัปดาห์).
 2). อนิมิสเจดีย์ - ทรงยืนจ้องพระเนตรที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ โดยมิได้กระพริบพระเนตรตลอด 7 วันในสัปดาห์ที่ 2.
 3). รัตนจงกรมเจดีย์ - ทรงนิมิตฐานจงกรมขึ้น แล้วย่างพระบาทจงกรมเป็นเวลา 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 3.
 4). รัตนฆรเจดีย์ - โดยเสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของต้นพระศรีมหาโพธิ์ และประทับนั่งขัดสมาธิในเรือนแก้ว เหล่าเทวดานิรมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรมเป็นเวลา 7 วัน ในสัปดาห์ที่ 4. (และชมสถานที่จำลองที่สร้างขึ้นโดยรอบพระเจดีย์พุทธคยา พร้อมฟังคำบรรยายถึงความสำคัญของสถานที่ต่าง ๆ และพุทธสถานโดยรอบ).
 5). เสด็จประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นไทรเป็นเวลา 7 วัน ใต้ต้นอชปาลนิโครที่พักของคนเลี้ยงแกะ ในสัปดาห์ที่ 5.
 6). เสด็จประทับนั่งขัดสมาธิใต้ต้นจิก มุจลินทร์ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ในสัปดาห์ที่ 6.
 7). เสด็จประทับใต้ต้นเกด หรือต้นราชายตนะ ประทับนั่งเสวยวิมุติสุขตลอด 7 วัน.
 - คณะฯ เข้ากราบนมัสการพระพุทธเมตตาซึ่งประดิษฐานภายในพระมหาเจดีย์ คณะฯ ร่วมจาริกบุญสวดมนตร์ ทำวัตรเย็น
 เตรียมหนังสือสวดมนตร์ไปด้วย
 19:30 น.  คณะฯ เดินทางกลับเข้าที่พัก
 - รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของโรงแรม แล้วพักผ่อนตามอัธยาศัย.
 ตามโปรแกรม มีอาหารไทยเสริม.



วันที่สอง จันทร์ที่ 30 ธันวาคม 2567
 ช่วงเวลา   รายละเอียดกำหนดการ  หมายเหตุ และอื่น ๆ
 06:00 น.   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม แล้ว Check-out   ควรจะตื่นตอนตี 5, 6 โมงเช้าทานข้าว, 7 โมงเช้า Check-out พร้อมล้อหมุน.
 07:00 น.   ออกเดินทางสู่เมืองราชคฤห์.
 - ถึงประตูเมืองราชคฤห์ ผ่านชมรอยทางเกวียน สันนิษฐานว่าเป็นรอยเดียวกับครั้งเมื่อสมัยพุทธกาล นั่งรถต่อไปยังเขาคิชกูฏ เพื่อกราบสักการะพระคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า เป็นการเดินขึ้นที่สูง โดยมีขั้นบันไดที่ลาดชันไม่มากนัก ก้าวเดินสบาย (หากไม่สะดวก ก็มีบริการเสลี่ยงหาม ค่าใช้จ่ายท่านละ 1,400 รูปี ทั้งขาไปและขากลับ).
 - ในสมัยพุทธกาลนั้น พระเจ้าพิมพิสาร กษัตริย์แห่งกรุงราชคฤห์ เมืองหลวงแห่งแคว้นมคธ ได้ใช้เส้นทางนี้เสด็จขึ้นไปกราบนมัสการพระพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน.
 - แวะกราบสักการะถ้ำสุกรขาตา สถานที่ซึ่งพระสารีบุตรบรรลุเป็นพระอรหันต์
 - ชมกุฏิพระอานนท์ ถ้ำพระโมคคัลลานะ และสถานที่ซึ่งพระเทวทัตกลิ้งหินหล่นใส่พระบาทของพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต.
 - ถึงยอดเขาคิชกูฏ อันเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบรมศาสดา นมัสการพระคันธกุฎี สถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า คณะฯ ต่างมีอิสระในการสวดมนต์ นั่งสมาธิ ได้เวลาอันสมควรก็กลับ.
 - ขึ้นรถ ระหว่างทางผ่านชมวัดชีวกัมพวัน โรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรก ผ่านชม ตะโปทาราม สถานที่อาบน้ำชะล้างบาป 4 วรรณะของชาวภารตะ เป็นน้ำแร่จากธรรมชาติจากเขาสัตตบรรณคูหา.
 เตรียมกล้องให้พร้อม ใช้เลน์ปกติ เพราะต้องเดินทางไปหลายแห่ง มีภาพที่ต้องถ่ายเยอะ ไม่มีเวลาจัดซูมเลนซ์ในแต่ละภาพมากนัก.
 เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ที่ห้องอาหารในโรงแรมเมืองราชคฤห์.  
 บ่าย 1  ขึ้นรถนำคณะฯ เข้าชม "วัดเวฬุวัน" ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาที่พระเจ้าพิมพิสารพระราชทานอุทยานสวนป่าไผ่ และทรงสร้างวัดเวฬุวัน ถวายเป็นพุทธบูชา และเป็นสถานที่พระอริยสงฆ์สาวกจำนวน 1,250 รูป ซึ่งล้วนแต่เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ พระสงฆ์ที่พระบรมศาสดาได้บวชให้.
 - ได้มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย นั่นก็คือ "วันมาฆะบูชา".
 - ออกเดินทางไปยังเมืองนาลันทา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง)
 - กราบนมัสการพระพุทธรูปแกะสลักด้วยหินแกรนิต "หลวงพ่อดำ" ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่รอดพ้นจากการถูกเผาทำลายของพวกลัทธิทะเลทรายในพุทธศตวรรษที่ 18 มีการกวาดล้างบวรพระพุทธศาสนาใหญ่หลวง และเผาทำลายมหาวิทยาลัยนาลันทา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก.
 - กล่าวกันว่ามีผู้พยายามจะเคลื่อนย้ายหลวงพ่อดำไปประดิษฐานยังที่เหมาะสม ดูสง่างาม แต่ก็ไม่สามารถเคลื่อนย้านได้ จนละความพยายามในที่สุด.
 
 บ่าย 2  คณะฯ เดินทางต่อไปยัง "นาลันทาคาม" บ้านเกิดของพระสารีบุตร อัครสาวกเบื้องขวาของพระบรมศาสดา ซึ่งต่อมาได้เป็นสถานที่สร้างมหาวิทยาลัยนาลันทาอันรุ่งเรืองในอดีต พระถังซำจั๋ง (หลวงจีนหยวนฉาง) เคยจาริกแสวงบุญมายังที่นี้ ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11
 - ได้ศึกษาพระธรรม ตลอดจนเคยเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ณ มหาวิทยาลัยนาลันทา นับได้ว่าเคยมีชื่อเสียงโด่งดังกระจายไปทั่วโลก เมื่อประมาณ 1,500 ปีมาแล้ว และเคยมีภิกษุจำพรรษาร่วม 1,000 รูป พร้อมศึกษาพระพุทธศาสนา ณ ที่มหาวิทยาลัยนี้.
 - ค่าธรรมเนียมกล้องถ่ายรูปบริเวณองค์เจดีย์พุทธคยา (กล้องธรรมดา ไม่เสีย, กล้องวิดีโอ 50 รูปี).
 เย็น  คณะฯ เดินทางสู่เมืองปัตนะ (Patna) ใช้เวลานั่งรถประมาณ 2:30 ชั่วโมง ซึ่งในสมัยพุทธกาลมีชื่อเรียกว่า ปาฏลีบุตร แคว้นมคธ ซึ่งเมืองนี้เคยเป็นที่สังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งที่ 3.
 - ณ โอศการาม และที่นี้ยังเป็นสถานที่ที่เผยแพร่พระพุทธศาสนาไปทั่วอินเดียในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ปัจจุบันเมืองปัตนะ เป็นเมืองหลวงของรัฐพิหาร.
 
 20:30 น.  เข้าพักในโรงแรมที่เมืองปัตนะ ชื่อ Patliputra Continental Hotel หรือระดับเท่าเท่า 4 ดาว รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย.  



วันที่สาม อังคารที่ 31 ธันวาคม 2567
 ช่วงเวลา   รายละเอียดกำหนดการ  หมายเหตุ และอื่น ๆ
 07:00 น.   ทุกท่านรับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม เสร็จแล้วเช็คเอ้าท์.
 - นั่งรถต่อไปยังเมืองเวสาลี โดยข้ามสะพานมหาตมะคานธีเสตุ (Mahatama Ghandhi Setu) เป็นสะพานที่สร้างข้ามแม่น้ำคงคา จากเมืองปัตนะไปยังเมืองเวสาลี เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของภารตะ ซึ่งก่อสร้างขึ้นในสมัยนายกรัฐมนตรีอินทิรา คานธี เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่มหาบุรุษของภารตะ คือท่านมหาตะคานธี.
 ควรจะตื่นตอนตี 5, 6 โมงเช้าทานข้าว, 7 โมงเช้า Check-out พร้อมล้อหมุน. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง.
 เที่ยง   รับประทานอาหารกลางวันที่ห้องอาหารโรงแรมเวสาลี เรซิเด้นซี่.   ระวังเรื่องการขับถ่ายดี ๆ .
 บ่าย.  คณะฯ เข้าชมกูฏาคารศาลา วัดป่ามหาวัน อารามที่กษัตริย์ลิจฉวีแห่งอาณาจักรวัชชี สร้างถวายพระบรมศาสดา ในสมัยพุทธกาลเชื่อว่าตั้งอยู่ในเขตป่าหิมาลัย และพระบรมศาสดาทรงประทับพรรษาที่นี่ ชมเสาอโศกที่มีรูปสิงห์อยู่ในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกที่สมบูรณ์ที่สุด.
 - ต่อจากนั้น คณะฯ ขึ้นรถเพื่อไปสักการะ พระสถูปปาวาลเจดีย์ เป็นสถานที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปลงอายุสังขาร ซึ่งต่อจากนั้นอีกสามเดือน สมเด็จพระบรมศาสดาจึงเสด็จดับขันปรินิพพานที่เมืองกุสินารา. ปัจจุบันปาวาลเจดีย์เหลือแต่ฐานที่ทำด้วยหินแข็งมีสีเทา ซึ่งทางการญี่ปุ่นได้สร้างซุ้มมุงด้วยหลังคาสังกะสีเป็นทรงกลมทาสีขาวและมีรั้วเหล็กกั้นไว้โดยรอบ.
  เตรียมกล้องให้พร้อมถ่ายภาพ เน้นภาพขาว-ดำบ้างเพื่อจะได้เห็นลวดลายเสาอโศกชัดเจน.
 16:30 น.   คณะฯ ออกเดินทางต่อไปยังเมืองกุสินารา.
 - ระหว่างทางผ่านชม "มหาสถูปเกสรียา" เป็นมหาสถูปที่ใหญ่ที่สุดในภารตะ เป็นต้นแบบสถูปบุโรพุทโธ อันเป็นที่ประดิษฐานบาตรขององค์พระบรมศาสดาที่ทรงประทานแก่ชาววัชชี ก่อนเสด็จต่อไปยังเมืองกุสินารา.
  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง นานโคตร. เตรียมอาหารเสริมรองท้องดี ๆ .
 20:30 น. หรืออาจจะดึกกว่านี้  เดินทางถึงเมืองกุสินารา คณะเข้าที่พัก ณ Leela Galaxy Hotel หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว.  ภารตะรถติดมาก ทางเมืองมุมไบ เมื่อช่วงกลาง พ.ย.67 คาดว่า ธ.ค.67 ฝั่งตะวันออก ลุ่มแม่น้ำคงคา รถคงติดไม่แพ้กัน.
 อาจจะ 3 ทุ่ม.  รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย.  ตามโปรแกรม มีอาหารไทยเสริม.



วันที่สี่ พุธที่ 1 มกราคม 2568
 ช่วงเวลา   รายละเอียดกำหนดการ  หมายเหตุ และอื่น ๆ
 07:00 น.   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม   ควรจะตื่นตอนตี 5, 6 โมงเช้าทานข้าว, 7 โมงเช้า พร้อมล้อหมุน.
 07:00 น.   คณะฯ เดินทางสู่ สาลวโนทยาน พุทธสังเวชนียสถานที่ 2 ชมปรินิพพานวิหาร กราบนมัสการพระพุทธไสยาสน์ปางปรินิพพานเสมือนหนึ่ง ได้มากราบพระบรมศพของสมเด็จพระบรมศาสดา ชมปรินิพพานสถูป.
 - ขึ้นรถออกไปไม่ไกลนัก ก็มานมัสการสถานที่ถวายพระเพลิงพระสรีระของสมเด็จพระบรมศาสดา ณ มกุฏพันธเจดีย์.
 น่าจะรู้สึกสลดหดหู่กับพุทธสถานแห่งนี้ ยิ่งตอกย้ำให้เราเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีต่อไป.
 11:00 น.  รับประทานอาหารกลางวัน ที่ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก.  เช็คเอ้าท์พร้อมสัมภาระ.
 บ่าย  คณะฯ ออกเดินทางไปลุมพินี สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล.
 - ก่อนถึงชายแดนผ่านด่านตรวจหนังสือเดินทางที่ชายแดนภารตะ-เนปาล แวะพักผ่อนที่วัดไทย 960 รอเจ้าหน้าที่ประสานงานชายแดน.
 - คณะฯ เดินทางเข้าสู่โรงแรมที่พัก Asian Buddha Hotel หรือเทียบเท่า 4 ดาว.
 ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง.
 19:00 น.  รับประทานอาหารค่ำ พร้อมพักผ่อนตามอัธยาศัย.  เวลาท้องถิ่นของเนปาลช้ากว่าไทย 1:15 ชั่วโมง หรือเร็วกว่าเวลาในภารตะ 15 นาที.



วันที่ห้า พฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2568
 ช่วงเวลา   รายละเอียดกำหนดการ  หมายเหตุ และอื่น ๆ
 07:00 น.  รับประทานอาหารเช้าในภัตตาคารของโรงแรม.  ควรจะตื่นตอนตี 5, 6 โมงเช้าทานข้าว, 7 โมงเช้าพร้อมล้อหมุน.
 ช่วงเช้า   คณะฯ เข้ากราบนมัสการสถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระบรมศาสดา ณ วิหารมหามายาเทวี (ใหม่) และเสาพระเจ้าอโศกที่มีขนาดความสูง 22 ฟุต 4 นิ้ว และมีข้อความอย่างสมบูรณ์เขียนด้วยภาษาพราหมี ระบุว่าเป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระบรมศาสดา และพระเจ้าอโศกได้เสด็จมากราบบูชา ในปีที่ 20 แห่งรัชสมัยของพระองค์.  
 เที่ยง  คณะฯ กลับเข้าที่พัก รับประทานอาหารกลางวัน.   Check-out.
 บ่าย   คณะฯ ออกเดินทางต่อไปยังกรุงสาวัตถี ภารตะ.
 - มายังด่านชายแดนเนปาล ผ่านพิธีตรวจตรา สแกนลายนิ้วมือเพื่อเข้าสู่ภารตะ.
  ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง นานโคตร. เตรียมอาหารเสริมรองท้องดี ๆ .
 เย็น  เดินทางถึงกรุงสาวัตถี เข้าสู่ที่พักโรงแรมพาวัน พาเลท (Hotel Pawan Palace) หรือเทียบเท่า.  
 อาจจะ 3 ทุ่ม.  รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย.  ตามโปรแกรม มีอาหารไทยเสริม.



วันที่หก ศุกร์ที่ 3 มกราคม 2568
 ช่วงเวลา   รายละเอียดกำหนดการ  หมายเหตุ และอื่น ๆ
 07:00 น.   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม   ควรจะตื่นตอนตี 5, 6 โมงเช้าทานข้าว, 7 โมงเช้า พร้อมล้อหมุน.
 08:00 น.   คณะฯ เดินทางเข้าชมวัดพระเชตวันมหาวิหาร ซึ่งเคยเป็นที่ประทับสำคัญและนานที่สุดของพระบรมศาสดา (รวม 19 พรรษา) ตั้งอยู่นอกกรุงสาวัตถีใกล้ประตูเมืองทางทิศใต้ เข้านมัสการพระมูลคันธกุฎีซึ่งได้บูรณะไว้แล้วอย่างดี.
 - อานันทโพธิ์ ต้นโพธิ์ที่ปลูกโดยพระอานนท์ในสมัยพุทธกาล ซึ่งปรากฎเป็นหลักฐานในคัมภีร์และยังสืบหน่อแตกเป็นต้นขึ้นมาต่อเนื่องจวบจนปัจจุบัน.
 - บ่อน้ำสรงส่วนองค์ของพระบรมศาสดา กุฏิพระราหุล พระมหากัสสปเถระ พระสีวลี และพระสารีบุตรตามลำดับ.
 - คณะฯ เดินทางต่อไปเพื่อชมสถานที่สำคัญอื่น ๆ อาทิ บ้านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ซึ่งท่านได้เป็นผู้ให้การอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาพระบรมศาสดา ภิกษุสงฆ์ เป็นอย่างดี.
 - ชมบ้านบิดาขององคุลีมา และเนินดินที่พระบรมศาสดาแสดงยมกปาฏิหาริย์.
 - ผ่านบริเวณที่สันนิษฐานกันว่าเป็นที่ซึ่งพระธรณีสูบพระเทวทัต เมื่อครั้งเดินทางมาเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา.
 - ด้านตะวันออกเฉียงใต้จากวัดศรีลังกา มีบ่อน้ำโบราณ กล่าวกันว่านี่คือ อนุสรณ์ของนางจิณจมาณวิกา ที่ถูกแผ่นดินสูบครั้งที่สร้างบาปหนัก จนแผ่นดินไม่อาจรับไว้ได้ ต้องแยกออกตามตำนานที่กล่าวไว้.
 
 เที่ยง  รับประทานอาหารกลางวัน ที่ห้องอาหารของโรงแรมที่พัก.  เช็คเอ้าท์พร้อมสัมภาระ.
 บ่าย  คณะฯ ออกเดินทางสู่เมืองพาราณสี ระหว่างทาง คณะฯ ชมทัศนียภาพความเป็นอยู่ของประชาชนในรัฐอุตตรประเทศ และสามารถสนทนาธรรมก่อนเดินทางสู่พุทธสังเวชนียสถานสุดท้าย "ธรรมเมกขสถูป" อันครบองค์สามแห่งพระรัตนตรัย.  ใช้เวลาเดินทาง 7-8 ชั่วโมง (นานโคตร ๆ อีกแล้วครับท่าน...!!!).
 ค่ำ  คณะฯ ถึงเมืองพาราณสี เข้าที่พักโรงแรมเรดิสัน (Radison Hotel) หรือเทียบเท่า 5 ดาว รับประทานอาหารค่ำ พร้อมพักผ่อนตามอัธยาศัย.  ต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ ด้วยพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ามาก ๆ .



วันที่เจ็ด เสาร์ที่ 4 มกราคม 2568
 ช่วงเวลา   รายละเอียดกำหนดการ  หมายเหตุ และอื่น ๆ
 05:00 น.  คณะฯ เดินทางมายังริมฝั่งแม่น้ำคงคา คณะฯ ลองเรือล่องลำน้ำ เพื่อชมวิถีชีวิตยามเช้าของผู้ศรัทธาในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งชาวพราหมณ์-ฮินดูเชื่อว่าแม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ไหลมาจากเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งมีภูเขาไกรลาส (Mt.Kailash) อันเป็นที่ประทับของศิวะมหาเทพสถิตอยู่.
 - คณะฯ ชมพิธีการอาบน้ำเพื่อล้างบาป ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา และพิธีการเผาศพซึ่งดำเนินต่อเนื่องมานานกว่า 4,000 ปี. กองไฟมีการเผามาโดยตลอด ดับจุด ๆ ต่อเนื่องกันมา.
 ควรจะตื่นตอนตี 4 เตรียมชุดแต่งตัว เสื้อกันหนาว ชาร์ทแบตฯ กล้อง ฯ ให้พร้อม.
 06:30 น.   คณะฯ กลับขึ้นฝั่ง และนั่งรถเข้าโรงแรมที่พัก พร้อมรับประทานอาหารเช้า.  
 08:00 น.  คณะฯ ออกเดินทางต่อไป โดยไปเมืองสารนาถ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองพาราณสีประมาณ 7 กิโลเมตร.
 - คณะฯ เข้าชมวิหารอนาคาริก (วัดศรีลังกา) นมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากเมืองตักศิลา.
 - เข้าชมเจาคันธีสถูป สถานที่ที่พระบรมศาสดาทรงพบปัญจวัคคีย์ ก่อนที่พระองค์จะแสดงเทศนาธรรม แก่เหล่าปัญจวัคคีย์จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ต่อไป.
 - กราบสักการะธรรมเมกขสถูป อันเป็นสถานที่ซึ่งพระบรมศาสดาทรงแสดงปฐมเทศนา โปรดเหล่าปัญจวัคคีย์ ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ตำบลสารนาถ.
 - เข้าชมพระมูลคันธกุฎีของพระบรมศาสดา เสาศิลาจารึกอักษรพราหมีของพระเจ้าอโศก.
 - คณะฯ เข้าชมกลุ่มซากกุฏิกว่าร้อยหลัง โดยรอบป่าอิสิปตนมฤคทายวัน.
 - คณะฯ ร่วมสวดมนต์บทธัมมะจักกัปปะวัตตะนะสูตร.
  Check-out.
 - ค่าธรรมเนียมกล้องถ่ายรูป(กล้องธรรมดา ไม่เสีย, กล้องวิดีโอ 25 รูปี).
 11:00 น.   คณะฯ กลับเข้าโรงแรมที่พัก รับประทานอาหารกลางวัน   Check-out.
 12:00 น.  คณะฯ เดินทางกลับไปยังเมืองพุทธคยา.  นั่งรถประมาณ 4-5 ชั่วโมง.
 ค่ำ.  คณะฯ ถึงเมืองพุทธคยา เข้าที่พักโรงแรมโอ๊ค (Oaks Hotel) หรือเทียบเท่า 5 ดาว รับประทานอาหารค่ำ และพักผ่อนตามอัธยาศัย.  ตามโปรแกรม มีอาหารไทยเสริม.




วันที่แปด อาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2568
 ช่วงเวลา   รายละเอียดกำหนดการ  หมายเหตุ และอื่น ๆ
 07:00 น.   รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม และ Check-out.   ควรจะตื่นตอนตี 5, 6 โมงเช้าทานข้าว, 7 โมงเช้า พร้อมล้อหมุน.
 08:00 น.   คณะฯ เข้าชมบริเวณที่สันนิษฐานว่าเคยเป็นบ้านนางสุชาดา อุบาสิกาคนแรกของพระพุทธศาสนา (โดยนำข้าวมธุปายาสมาถวายพระพุทธองค์).
 - ชมริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ท่าสุปปติฏฐะซึ่งเป็นท่าที่พระบรมศาสดาทรงอธิษฐานลอยถาด (วางอาหาร) ที่นางสุชาดาถวายพร้อมข้าวมธุปายาส จากท่าน้ำนี้คณะฯ สามารถมองเห็นเจดีย์มหาโพธิ์.
 - คณะฯ เดินทางมายังบริเวณต้นพระศรีมหาโพธิ์ และองค์พระมหาเจดีย์พุทธคยา อิสระในการสวดมนต์ ทำสมาธิ ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ฯ กราบลา เป็นการส่วนตน.
 
 11:30 น.  คณะฯ เดินทางมาถึงสนามบินพุทธคยา เช็คสัมภาระเคาน์เตอร์สายการบินไทย.  เตรียมพาสสปอร์ต Boarding Pass เอกสารอื่น ๆ แก่ตม.
 13:40 น.  คณะฯ ออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย TG 328 รับประทานอาหารกลางวันบนเครื่องบิน.  
 18:15 น.*  คณะฯ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย โดยสวัสดิภาพ.  * เวลาท้องถิ่นในประเทศไทย


วัน

 
info@huexonline.com