ค.ศ.1489/ พ.ศ.2032 |
9 กันยายน: ตาวเย่าเจิ่งไล่ (ท้าวยอดเชียงราย พระราชนัดดาพระเจ้าติโลกราช) นัดดาของตาวหล่านนา ข้าหลวงปกครอง ทหารและพลเรือนของปาไป่ต้าเตี้ยนแห่งยูนนาน ผู้ซึ่งถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว ได้เข้ามาถวายสิ่งของพื้นเมืองและขอรับตำแหน่งสืบต่อจากปู่ ฝ่ายกลาโหมกราบบังคมทูลว่า
'ปาไป่ห่างไกลจากยูนนาน เป็นเขตที่มีพิษไข้ป่าและโรคระบาดมาก ผิดกับสถานที่อื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเครื่องหมายเอกสารอีกครั้งหนึ่ง ควรอนุมัติให้เขารับตำแหน่งสืบต่อไปได้เลย"
ได้พระราชทานตามที่ขอ อีกทั้งยังพระราชทานหมวกยศ เข็มขัดยศ และเสื้อผ้ากับสิ่งของอื่น ๆ โดยสมควรแก่ยศถาบรรดาศักดิ์.
11 กันยายน: กรมการกลาโหมยูนนานกราบทูล ขอให้มีสารตราไปว่ากล่าวข้าหลวงปกครองปาไป่ให้คืนดีกับมู่ปาง (แสนหวี-เทียนเว่ยสื่อ) เพื่อให้เกิดสัมพันธไมตรีและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เสนาบดีกลาโหมกราบทูลว่า "เห็นชอบกับข้อเสนอและให้แจ้งไปยังขุนนางผู้ป้องกันยูนนาน" องค์จักรพรรดิทรงเห็นชอบตามคำกราบทูล. |
ค.ศ.1493/ พ.ศ.2036 |
1 สิงหาคม: ตาวเย่าเจิ่งไล่ (ท้าวยอดเชียงราย) ข้าหลวงปกครองพื้นเมืองปาไป่ต้าเตี้ยน ส่งขุนนางระดับโถวมู่ (ขุนนางระดับกลาง) มาถวายเครื่องราชบรรณาการ มหาอำมาตย์นามว่า ปาเทพ ได้นำพระแก่นจันทน์กลับไปประดิษฐานที่วัดดอนชัย พะเยา. |
ค.ศ.1495/ พ.ศ.2038 |
ขุนนางถอดเจ้ายอดเชียงรายออกจากราชบัลลังก์ ด้วยข้อหาว่าทรงเอาใจและผ่อนปรนต่อข้อเรียกร้องของพวกจีนฮ่อ (กรมการเมืองยูนนาน) มากเกินไป ยิ่งกว่านั้น ยังทรงรักลูกเลี้ยงที่เป็นเชื้อสายฮ่อยิ่งกว่าเจ้าแก้ว พระราชโอรสแท้ ๆ อันเกิดแก่นางปงน้อย อัครราชเทวี ซ้ำยังส่งเสริมให้พระโอรสเลี้ยงเชื้อสายฮ่อไปเป็นเจ้าเมืองอีกแห่งหนึ่งด้วย.
-- บุคคลที่มีบทบาทมากในการถอดเจ้ายอดเชียงรายจากบัลลังก์ คือ บุคคลที่ปรากฎนามว่า มหาอำมาตย์ผู้เป็นใหญ่แห่งหนองขวาง เมืองเขลางค์ (ลำปาง) ซึ่งคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์กล่าวว่า เป็นลุงข้างแม่ของเจ้ายอดเชียงราย (มาตุโล คือ เป็นพี่เมียของท้าวสีบุญเรืองที่ถูกสำเร็จโทษไป) ให้มหาเทวีสิริยศวดี เป็นผู้สำเร็จราชการ. |
ค.ศ.1496/ พ.ศ.2039 |
โปรดให้สร้างอารามขึ้นที่หมู่บ้านที่พระปัยยิกา (ทวด) ครั้งเป็นยุพราช และพระบิดาทรงอยู่มาก่อน ให้ชื่อว่าวัดบุพพาราม (น่าเสียดายที่ปัจจุบัน เป็นของใหม่แทบทั้งหมด) ทางตะวันออกของนครเชียงใหม่
ค.ศ.1497: สร้างปราสาทองค์หนึ่งท่ามกลางมหาวิหารของวัดบุพพาราม เพื่อประดิษฐานพระพุทธรูป
ค.ศ.1498: ฉลองพระไตรปิฎกฉบับลงทอง (ชำระพระไตรปิฎกที่วัดเจ็ดยอด) และหอพระมณเฑียรที่สร้างไว้ในวัดบุพพาราม.
--- ฉลองวัดกุมาราราม (พระอารามที่สร้างไว้สำหรับพระกุมาร) ซึ่งพระนางสิริยสวดี พระราชชนนีได้สร้างไว้ ณ บ้านเกิดของพระนางที่เมืองกุสาวดี (เมืองหญ้าคา)
--- เจ้าหมื่นเชียงแสนคำล้านเอาวัดปราสาทถวายแก่ "สมเด็จบพิตร พระเป็นเจ้าทั้งสองพระองค์"
--- เจ้าเมืองนคร (นครลำปาง) สีทัตถมหาสุรมนตรี กินเมืองนครได้ 6 เดือน ชวนคนมาแรกก่อตนพระมหาธาตุเจ้า (พระมหาธาตุเจ้าลำปางหลวง) |
ค.ศ.1497/ พ.ศ.2040 |
10 กันยายน: ตาวหล่านนาข้าหลวงปกครองปาไป่ต้าเตี้ยนขึ้นยูนนาน ส่งคนระดับโถวมู่มาถวายเครื่องราชบรรณาการ จักรพรรดิ พระราชทานแพรต่วนหลากสีและของอื่น ๆ ตอบแทนแก่ข้าหลวงปกครองด้วย อีกทั้งพระราชทานแพรสีและเสื้อผ้าแก่โถวมู่และคณะตามลำดับยศถาศักดิ์.
--- ประสูติพระราชโอรสองค์โต. |
ค.ศ.1500/ พ.ศ.2043 |
"สมเด็จบพิตรมหาราชเจ้าตน เป็นอธิบดีในศรีพิงคราษฎร์เชียงใหม่" กับพระกรรโลงรักอัครราชมาตา" มีญาณยุตวิสุทธศรัทธาในพระศาสนามากนัก มักให้มั่นคงเป็นเค้าเป็นมูลในหริปุญชบุรี ... อวยไอศวรสมบัติพัสดุทั้งหลายหมายมีต้นว่า สัปตรัตนะนองเนือง นำมาบูชาพระมหาธาตุเจดีย์เจ้าอันเป็นเหง้าเกล้าพระสุธาทุกปีเดือนมิได้ขาด.[ มีการบูรณะพระบรมธาตุหริภูญไชยครั้งใหญ่ (พระเมืองแก้วกับพระมารดา)]
1 สร้างพระธรรมมนเทียรอันอาเกียรณ์ด้วยคำมาส ด้วยสุพรรณบุษบาผกาวัลย์เป็นอัศจรรย์อติเรก.
2 สมเด็จมหาราชเจ้าให้สร้างพระธรรมอันเป็นพุทธวาจาตราได้ 8 หมื่นสี่พันขันธ์ กับกันถันตรปกรณ์ สาตุถกถา ฏีกานุฏีกาคณนาทั้งมวลได้ 420 คัมภีร์
3 ทรงสร้างพระพุทธรูปทองคำ
จุ่งให้สมเด็จมหาราชเจ้าทั้งสองพระองค์ทรงธนสารสองประการ คือ อัชฌัตติกพาหิรธน อันบริบวรณ์ดี.
สมเด็จพระธรรมิกราชเจ้ากับพระอัครราชมาดาบพิตรก็อุทิศพระราชกุศลแลโกฐาส์ ...ให้แด่สมเด็จพระบิดา มหาอัยกะอัยกา. |
ค.ศ.1502/ พ.ศ.2045 |
"เจ้าหัว" (เจ้าเหนือหัว) แสนญาณกัลยากินเมืองพเยาอุทิศข้าคนสร้างวัด
--- พระมหาราชเทวีเจ้า เจ้าหน่วยนางตนแม่ให้ฝังสีมาวัดพระ (ศรี) เกิด...[หัวหน่วย = หัวหน้าฝ่ายใน] |
ค.ศ.1503/ พ.ศ.2046 |
เจ้าเมืองนครสีทัตถมหาสุรมนตรี หล่อพระเจ้าล้านทอง พระธาตุลำปางหลวง (ตามหลักฐานมหายานเมืองละโว้) (อ.ดร.วินัย ท่านรำคาญนักประวัติศาสตร์ศิลปะ เช่น เวลาอธิบายพุทธศิลป์ จระนำ กลีบบัว แข้งสิงห์ โน้นนี่นั่น ท่านไม่ต้องการทราบ ... ท่านต้องการทราบพัฒนาการของศิลปะว่าเป็นมาอย่างไร อย่างเป็นระบบ....มากกว่า...!!!) |
ค.ศ.1504/ พ.ศ.2047 |
ทำแบบปั้นหุ่นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่วัดบุปผาราม
ค.ศ.1505 หล่อพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ใช้ทองแดงหนักเรือนโกฏิ มีที่ต่อถึง 8 แห่ง |
ค.ศ.1505/ พ.ศ.2048 |
เจ้ายอดเชียงรายสิ้นพระชนม์อายุได้ 50 ปี ตอนถูกเนรเทศอายุ 40 ปี |
ค.ศ.1506/ พ.ศ.2049 |
เฒ่าเมืองคำข่ายฟ้าพาพวกมาสวามิภักดิ์ให้ไปกินเมืองแพร่ แล้วย้ายไปเมืองเซิง (เฒ่าเมือง = ที่ปรึกษาผู้ใหญ่มากประสบการณ์) |
ค.ศ.1507/ พ.ศ.2050 |
1. ไปตีเมืองสุโขทัยแต่ไม่สำเร็จ
2. "สมเด็จบพิตรพระสวัสติสรีธรรมจักกวัตติ" มหาราชกับราชมาตามหาเทวี "พระเจ้าแม่ลูกทั้งสอง" ปลงอาชญาแก่มหามัตตะผู้ใหญ่ ปรากฎว่าเจ้าหมื่นหนังสือติกผยาให้หานาแลกที่เวฬุวันอารามอันงาม. (มัตตะ = อำมาตย์ผู้ใหญ่) (ติกผยา = อธิกะปัญญา = ผู้มีปัญญาเป็นเลิศ) |
ค.ศ.1508/ พ.ศ.2051 |
ขะลาโหชาวใต้มาตีแพร่ เจ้าเมืองน่านไปรับศึก พ่ายแพ้เสียขุนหมื่นจำนวนมาก (แพร่นี้มีปัญหา เป็นฝ่ายล้านนาบ้าง สุโขทัยบ้าง เพราะเป็นดินแดนกันชน) (ขะลาโห = กลาโหม) |
ค.ศ.1509/ พ.ศ.2052 |
พระเมืองแก้วกับพระราชมารดาทรงใช้ทองเลียงชั่งน้ำหนักเท่าพระองค์ เพื่อหล่อพระพุทธรูปนั่ง ส่วนสูงเท่าพระมหากษัตริย์ทรงยืน. (ทองเลียง = ทองบริสุทธิ์) |
ค.ศ.1510/ พ.ศ.2053 |
รบกับขะลาโหอีก เจ้าเมืองนครรบเอาชนะได้ (เมืองนคร = ลำปาง) |
ค.ศ.1511/ พ.ศ.2054 |
โปรดทำกำแพงล้อมพระธาตุเจดีย์หลวงสามชั้น ได้เงินเรี่ยไรหนัก 220,000 (บาท) เอาเงินนั้นไปซื้อทองได้ทอง 25,000 (บาท) เอามาตีเป็นแผ่นบุพระธาตุ (แผ่นจังโก) . เรี่ยไรเงินจากผู้ศรัทธาและทูตประเทศราช เอาเงินมาสร้างกำแพงพระมหาธาตุลำพูน ส่วนองค์พระมหาธาตุล้อมด้วยรั้วทองเหลือง. |
ค.ศ.1512/ พ.ศ.2055 |
1. สร้างราชมณเฑียรที่บ้านศรีบุญยืนที่แม่น้ำทั้งสองเข้ามาหากันด้านทิศเหนือหริภุญชัย (แม่น้ำกวงและและแม่น้ำปิง)
2. จารึกหลักที่ 73 (วัดสุวรรณาราม): "พระมหาเทวีเจ้าตนย่า ให้หมื่นหมอสุเมธานำพระพุทธรูปเจ้าองค์หนึ่งมาฐาปนาไว้ในสุวรรณอาราม อารามนี้คือหากเป็นนาบุญ แต่พระมหาเทวีเจ้าตนย่ามาต่อเท่าเถิงพระเป็นเจ้า (ทั้ง) สองพระองค์บัดนี้แล. (ตนย่า = แสดงว่ามีหลาน เจ้ายอดเมืองแก้วมีลูกแล้ว) |
ค.ศ.1513/ พ.ศ.2056 |
--- ตาวหล่านนา (ตรงกับท้าวล้านนา) ข้าหลวงสำนักปกครองทหารและพลเรือนของปาไป่ต้าเตี้ยนแห่งยูนนาน ให้ข้าราชการตำแหน่งโถวมู่ชื่อ ปานกวนฮั่น (พัน...หาญ) มาถวายเครื่องราชบรรณาการมีช้าง ม้า เครื่องเงินเครื่องทอง และกูบช้าง ทรงให้จัดเลี้ยงรับรองและพระราชทาน ผ้าต่วนปักลายดอก แพรซา แพรโล่ (ลั้ว) และสิ่งของอื่น ๆ
--- ค.ศ.1513-14/ พ.ศ.2056-57 รบกับสุโขทัย ชะเลียง |
ค.ศ.1514/ พ.ศ.2057 |
โปรดให้สร้างศาลามหาวินิจฉัยในเชียงใหม่ สร้างวิหารหลวงพระธาตุหริภุญชัย โปรดให้ขุดบูรณะฐานพระเจดีย์หลวง กลางเมืองเชียงแสน. (ศาลามหาวินิจฉัย = คล้ายพระที่นั่งอมรินทราภิเษก กรุงศรีอยุธยา เพราะใช้ตัดสินคดีความ) |
ค.ศ.1515/ พ.ศ.2058 |
- หมื่นมาลานครเอาพลไปรบกำแพงเพชร เอาไม่ได้ ตีสุโขทัยด้วย
- กษัตริย์อยุธยา (สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2) ได้เมืองลำปางและยึดเอาพระพุทธสิขีไปจากวัดกู่ขาว. (พระพุทธสิขี = Palladium = วัตถุคู่บ้านคู่เมือง เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ)
- ศักราช 877 กุญศก วัน ๓ ฯ ๑๕ ๑๑ ค่ำ เพลารุ่งแล้ว 8 ชั้น 3 ฤกษ์ 9 ฤกษ์ สมเด็จพระรามาธิบดี (ที่ 2 แห่งกรุงศรีฯ ) เสด็จไปเมืองนครลำภาง (ลำปาง) ได้เมือง. |
ค.ศ.1516/ พ.ศ.2059 |
1. สิริยสวดีเทวีทรงบริจาคบ้านของเจ้าเมืองหนองขวาง เพื่อให้เป็นสังฆาราม ส่วนพระราชาสร้างมหาสะพานที่ท่าสถานหลวง พระราชมารดาเทวีทรงยกฉัตรยอดเจดีย์ที่วัดที่หนองขวางและโปรดให้ยกพระวิหาร.
2. โปรดให้ก่อกำแพงศิลาเมืองหริภุญชัย มีโวหริตมหาเสนาบดีเป็นหัวหน้าสร้างกำแพงในฤดูแล้ง. (เป็นกำแพงที่สูงมาก) |
ค.ศ.1517/ พ.ศ.2060 |
1. เดือน 6 ย่างเข้าปีฉลู ก่อกำแพงเมืองเชียงใหม่ด้วยอิฐ เชิญพระพุทธสาคร (รามัญวงศ์) มาอยู่วัดที่พระราชมาดาเทวีทรงสร้าง ณ ที่บ้านมหาอำมาตย์เจ้าเมืองหนองขวาง อันชื่อว่าสุธรรมาราม (กำแพงเมืองเชียงใหม่ และหริภุญชัยได้กล่าวไว้ในรุธิราชรำพัน แสดงถึงความสวยงามใหญ่โต) (อุปาทวาทศมาสโคลงดั้น (วรรณกรรมเพชรน้ำเอกแห่งกรุงศรีอยุธยา) และ รุธิราชรำพัน (นิราศหริภุญชัย) ต้องหาอ่านให้ได้)
2. ทรงบริจาคมหาทานและฉลองวัดซึ่งเป็นที่เผาศพของมหาอำมาตย์หนองขวางในนครเขลางค์และทรงตั้งชื่อวัดนั้นว่า นันทาราม. |
ค.ศ.1518/ พ.ศ.2061 |
โปรดให้ยกวิหารวัดเจดีย์หลวงและวัดป่าแดงมหาวิหาร (สังฆเพท ระหว่างวัดสวนดอกกับวัดป่าแดงนั้น เป็นเรื่องสำคัญมาก แต่ชินกาลมาลีปกรณ์ไม่ได้กล่าวถึงเลย)
--- สรงมูรธาภิเศกพระราชาธิบดี (ชินกาลฯ)
--- ได้พระยาช้างเผือก |
ค.ศ.1519/ พ.ศ.2062 |
--- นำราชทูตของประเทศราชสรงน้ำพระสีหฬปกิมา (พระพุทธสิหิงค์) และทรงสดับนิทานเรื่องมหาเวสสันดรและให้เขียนคัดไว้ (รุธิราช แปลว่า ราชาที่ป้องกันเมืองไว้ได้) (ประเทศราช หมายถึง เมืองนาย แสนหวี เชียงรุ้ง)
--- เรี่ยไรเงินจากผู้ศรัทธาและทูตประเทศราช เอาเงินมาสร้างกำแพงพระมหาธาตุลำพูน ส่วนองค์พระมหาธาตุล้อมด้วยรั้วทองเหลือง
--- อัญเชิญพระปฏิมาสัมริดหนักประมาณ 3 ล้าน (3,600 กิโลกรัม) ขั้นประดิษฐานบนพระแท่นวัดกุมกามทีปาราม. (พระอารามที่เกาะกุมกาม - ทีปา แปลว่า เกาะ) |
ค.ศ.1520/ พ.ศ.2063 |
--- ต้นปี โปรดให้ยกปราสาท 4 องค์ในพระราชวัง (โปรดให้สร้างมณเฑียร หรือ หอ)
--- เมืองแก้ว กับพระราชมารดาให้จัดงานยกฉัตรพระมหาเจดีย์วัดทีฆาชีวิตสาราม
--- ราชาภิเสกเจ้าแก้วซ้ำเป็นครั้งที่ 3 เมื่อพระชนม์ได้ 39 ปี |
ค.ศ.1521/ พ.ศ.2064 |
ต้นปี (เมษายน) โปรดให้ขุดรากฐานพระเจดีย์หลวง (สันนิษฐานว่าฐานไม่ค่อยดี ตั้งแต่สร้างในสมัยพระเจ้าแสนเมืองมา) ก่อตั้งแต่ฐานพระเจดีย์ขึ้นไปใหม่ องค์พระเจดีย์กว้างด้านละ 8 วา 2 ศอก สูง 14 วา 2 ศอก
--- เขียนคัดพระไตรปิฎกในวัดป่าแดงมหาวิหารใหม่อีกครั้ง |
ค.ศ.1522/ พ.ศ.2065 |
--- อัญเชิญพระพุทธรูปแก่นจันทน์แดงมาประดิษฐานที่วัดบุพพาราม
พระยาอาทิตย์ (อาทิตยวงศ์ สมเด็จพระหน่อพุทธางกูร แห่งกรุงศรีฯ) กินเมืองใต้ส่งราชทูตมา โปรดให้ไปนมัสการพระแก่นจันทน์ที่วัดบุพพาราม
--- จารึกวัดยางหนุ่ม: ศกราชได้ 884 ตัว เมื่อพระเป็นเจ้าเจ้าแม่ไณ (เจ้าแม่ฝ่ายใน หรือ ราชินีองค์ปัจจุบัน) ยินดีไว้นาเป็นข้าวพระเจ้า 60000 เบ้ (เบี้ย) ....พระมหาเทวีเจ้าตนย่า 400 เงิน นักบุญ 5600 เงิน
--- พระราชกุมารีสิ้นพระชนม์ (ในชินกาลมาลีปกรณ์ระบุว่า พระเมืองแก้วทรงโทมนัสมาก)
--- โปรดให้นำพระกัมโพชไปบูชาที่ปราสาทหอคำ
--- โปรดให้ราชทูตอโยธยาไปนมัสการพระบรมสารีริกธาตุหริภุญชัย
--- ให้เก็บหนังสือสัญญาพระราชไมตรีที่พระเจ้าอริมัทนปุระกับหนังสือพระราชไมตรีของหงสาวดีไว้ที่เชิงพระธาตุหริภุญชัย. (ด้วยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามโกหกกัน ...บอกว่าเป็นไมตรีก็ต้องเป็นไมตรีนะ...!!)
--- เจ้าราชบุตรชื่อ ชัยคงคา แห่งเชียงตุงมาถือน้ำพระพิพัท |
ค.ศ.1523/ พ.ศ.2066 |
สร้างวิหารหลวงวัดกู่คำ เวียงกุมกาม
ส่งพระเทพมงคลเถระและบริวารไปถวายคัมภีร์พระไตรปิฎก จำนวน 60 คัมภีร์แก่พระเจ้าล้านช้าง |
ค.ศ.1525/ พ.ศ.2068 |
โปรดให้อัญเชิญพระแก่นจันทน์ไปประดิษฐานที่วัดโพธาราม (วัดเจ็ดยอด) |
ค.ศ.1526/ พ.ศ.2069 |
เดือน 3 ของ จ.ศ.887 เจ้าพรญาแก้วสิ้นพระชนม์เมื่อายุได้ 44 ปี กินเมือง 30 ปี พระราชโอรสองค์โตได้สืบราชสมบัติ. |