|
ศักราช (ค.ศ./พ.ศ) |
เหตุการณ์ |
1 |
2 |
3 |
|
1269/1812 |
มังรายได้เมืองเชียงของ (เป็นเมืองยุทธศาสตร์ไว้ติดต่อกับลาว) |
|
/ |
|
|
1271/1815 |
กุบไลข่านตั้งราชวงศ์หยวน ส่งทูตไปข่มขู่พุกาม (นรสีหบดี หรือ นรสีหปติ) |
/ |
|
|
|
1273/1817 |
ส่งทูตไปข่มขู่พุกาม (นรสีหบดี) ครั้งที่ 2 |
/ |
|
|
|
1275/1818 |
ทำสงครามกับพระยากาว (น่าน) ได้เมืองมอบ (เมืองมอบ หรือ เมืองทระ มักปรากฎในชินกาลมาลีปกรณ์บ่อย ๆ แต่ยังหาสถานที่ไม่เจอ) |
|
/ |
|
|
1276/1819 |
มังรายไปตีเมืองภูยาวของพรญางำเมือง |
|
|
/ |
|
1283/1826 |
นัสเซอเอดดิน (มองโกล) ได้เข้าโจมตีบรรดาเมืองต่าง ๆ ของพม่าทางตะวันออกของแม่น้ำคง (แม่น้ำสาละวิน) เป็นกลุ่มรัฐไทใหญ่ เพื่อเตรียมตีพม่า |
|
|
|
|
1284/1827 |
กุบไลข่านโปรดให้ปู้หลู่เหอต๋า แม่ทัพมองโกล ไปตีประเทศปาไป่สีฟู่อีก (จีนคงเข้าใจว่าปาไป่สีฟู่เป็นส่วนหนึ่งของรัฐฉาน-ไทยใหญ่) ระหว่างเดินทางไปถึงเชอหลี่ใหญ่ (เชียงรุ่ง) เขาได้นำทหารม้าสามร้อยนายไปเกลี้ยกล่อมให้เจ้าเมืองเชียงรุ่งสวามิภักดิ์ แต่เจ้าเมืองเชียงรุ่งไม่ยินยอม จึงยกกำลังเข้าตี เสียเชียงรุ่งแก่มองโกล. |
|
|
|
|
1287/1830 |
ซึ่งพวกมองโกลยกทัพมาตีและยึดได้เมืองพุกามนั้น (สมัยพระเจ้านรสีหปติ-ทรงไม่เข้มแข็งนัก) พระรัตนปัญญาเถระได้อ้างตำนานเดิม (แสดงว่ามีตำนานใหม่ สามกษัตริย์มาพบกันที่เมืองเชียงใหม่) ว่า พระยามังรายหลวง พระยางำเมือง และโรจราช (พระเจ้าร่วง) ได้มาพบกัน ณ ประตูชัย (เมืองเชียงราย) - น่าจะมาประชุมเพื่อต่อต้านมองโกลมากกว่า, Professor ลูส์ ให้ความเห็นว่าพรญามังรายคิดจะยึดเมืองหริภุญชัย
เมืองพานนาคเหนืออังวะ เป็นรัฐไทใหญ่เล็ก ๆ กษัตริย์ย้ายมาเมืองมยินตาย (ให้ลูกชายปกครองเมืองเดิม) และมีลูกชายอีก 3 คน 1) ศรีอสงไขย 2) ราชสงคราม 3) ศรีหสุระ...ทั้งสามมารับใช้กษัตริย์พระเจ้าสีหปติ... ได้เป็นสัมขยัง (ชื่อตำแหน่งสูงในภาษาพม่า) ให้น้องสาวแต่งงานกับกษัตริย์พม่า ยึดพุกามได้ โดยเป็นใส้ศึกให้จีน พอพม่าแตก จีนเขตปกครองเหมียนเตี้ยน แต่ปกครองไม่ได้นานเพราะวุ่นวายมาก
กษัตริย์ (นรสีหปติ) หนีไปแปร แล้วไปเมืองพะสิม |
|
/ |
|
|
1289/1382 |
พรญามังรายได้ส่งอ้ายฟ้าไปเป็นไส้ศึก (อุปนิขิต) ในหริภุญชัย (เป็นเมืองยุทธศาสตร์ติดต่อไปยังเมืองมอญได้) ....การเป็นไส้ศึกนั้น อาจเป็นตำนานทางพระพุทธศาสนามาแทรก (วัสการพราหมณ์ เข้าไปยุยงในเมืองลิจฉวี) ก็ได้ |
|
/ |
|
|
1289/1382 |
(วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.1832) วันซิงโฉ่ว เดือนสิบปีที่ 26 รัชศกจื้อหยวน ละโว้ และหนี่เหรินกั๋ว (เมืองของพระเจ้าแผ่นดินผู้หญิง) ทั้งสองประเทศส่งทูตมาถวายของพื้นเมืองเป็นเครื่องราชบรรณการแก่จีนแห่งราชวงศ์หยวนแล้ว |
/ |
|
|
|
1290/1833 |
วันที่ 31 สิงหาคม 1290/1833 ราชสำนักหยวนได้รับแจ้งจากกรมการมณฑลยูนนานว่า เชียงรุ่งกับรัฐเล็กรัฐน้อยในยูนนานรวมทั้งหมด 11 รัฐได้ยอมจำนนต่อจีนแห่งราชวงศ์หยวนแล้ว. (จีนมีระบบซาฟา คือการเรียกส่วยสิ่งของต่าง ๆ ) |
/ |
|
|
|
1292/1835 |
วันที่ 11 ตุลาคม: กุบไลข่านได้มีพระราชโองการให้ปู้ตุนหมางหวู (ทู) หลูหมีสือ ยกกองทัพไปตีประเทศปาไป่สีฟู่อีกครั้งหนึ่ง การมาโจมตีครั้งที่สองนี้ เอกสารจีนไม่ได้รายงานว่าประสบความสำเร็จแต่ประการใด (เข้าใจว่าไม่ประสบความสำเร็จ ปาไป่สีฟู่ เข้าไปแทรกแซงช่วย 11 รัฐในยูนนาน) |
/ |
|
|
|
1292/1835 |
พรญามังรายหลวงนำทัพไปรบพระยายี่บาและยึดเมืองหริภุญชัย ขณะที่พระชนม์ได้ 52 ชันษา รวมเศวตฉัตรเป็นหนึ่งเดียว (รวมโยนรัฐกับพิงครัฐ) |
|
/ |
|
|
1294/1837 |
18 กุมภาพันธ์: กุบไลข่านสวรรคต |
|
|
|
|
1296/1839 |
พรญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ (ขินกาลมาลีปกรณ์ และตำนานวัดสวนดอก (หรือตำนานมูลศาสนา) ไม่ได้กล่าวว่าพรญามังราย เชิญพรญางำเมือง และเจ้าโรจราช มาเลย) มีแต่ในราชวงศ์ปกรณ์มีข้อมูลว่าพรญาทั้งสามมาชุมนุมตั้งเมืองเชียงใหม่ |
|
/ |
|
|
1297/1840 |
ปาไป่สีฟู่เป็นกบฎและยกกองกำลังเข้าโจมตีเมืองเชียงรุ่ง (เชอหลี่ใหญ่) จักรพรรดิหยวนมีรับสั่งเมื่อวันที่ 29 กันยายน 1297/1840 ให้เหย่เซียนปู้ฮัว นำทหารไปปราบปราม การที่พรญามังรายหลวงยกกองทัพไปตีเชียงรุ่ง เพราะทางมองโกลได้ตั้งสำนักปกครองเชียงรุ่งขึ้น เพื่อต่อต้านปาไป่สีฟู่ เอกสารจีนไม่ได้กล่าวว่า เหย่เซียนปู้ฮัวประสบความสำเร็จเพียงใด คงทำได้เพียงขับไล่กองทัพของลาวยวน กลับออกไปจากชายแดนยูนนาน และยกฐานะของเชียงรุ่งขึ้นเป็นสำนักปกครองทหารและพลเรือน. [Ep4. 1/2 - 44:55] |
/ |
|
|
|
1298/1841 |
ตอนต้นปี 1298/1841 พระยามังรายหลวงและ "เชอหลี่น้อย" (สันนิษฐานว่าเป็นเมืองยอง) ยังคงส่งกองทัพเข้าไปขยายอำนาจ ณ บริเวณชายแดนยูนนาน พระยามังรายหลวงทรงยกทัพขนาดใหญ่เข้าไปในพม่า ทำสงครามปราบปรามรัฐเล็กรัฐน้อยในเขตไทใหญ่ จนกรมการมณฑลยูนนานต้องขอระดมกำลังนับหมื่นเข้าไประงับเหตุการณ์ {ในทศวรรษ 1290 กษัตริย์จอฉ่วย หรือ กลอฉวา (กะยอชวา) ทรงปกครองอาณาจักรพุกาม โดยมีพระราชอำนาจแต่ในนาม พวกพี่น้องไทใหญ่สามคนซึ่งค้ำจุนพระองค์อยู่มีฐานะเป็นสัมพยัง - (Sambyan: คำมอญ แปลว่า อรรคเสนาบดี) พระองค์คงรู้สึกหนักพระทัยที่จำต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของอัครเสนาบดีไทใหญ่ และทรงพยายามหาทางออกด้วยการยกฐานะของพระองค์ให้สูงขึ้น ราว ๆ ต้นปี 1297/1840 พระเจ้ากลอฉวา ทรงส่งพระโอรสนามว่า "สิงหบดี" ไปยังเมืองปักกิ่ง เจรจายอมอ่อนน้อมต่อราชวงศ์มองโกล และเสนอที่จะจ่ายเครื่องราชบรรณาการให้เป็นเงิน 2,500 ตำลัง ไหม 1,000 พับ ช้าง 20 เชือก และข้าว 10,000 ถังต่อปี ในวันที่ 20 เดือนมีนาคม จักรพรรดิทรงแต่งตั้งรับรองกลอฉวาเป็นกษัตริย์แห่งพม่า พร้อมทั้งพระราชทานตราประจำพระองค์ทำด้วยเงิน ส่วนเจ้าชายสีหบดีได้ตราเสือรับรองเป็นรัชทายาทของราชบัลลังก์พม่า} |
|
|
|
|
ระหว่างเดือนมีนาคม-เมษายน 1298/1841 |
ก้วนจู่ซือเจี่ย ทูตมองโกลที่เดินทางกลับมาพร้อมกับคณะทูตของเติงหลง (ตะเลง-มอญหงสาวดี) ผ่านเมืองพุกามจะไปจีนได้รายงานว่า กษัตริย์พม่าพระเจ้ากลอฉวาซึ่งราชสำนักมองโกลแต่งตั้งรับรอง ได้ถูกพวกเสนาบดีไทใหญ่ถอดออกจากราชบัลลังก์ เอาพระองค์ไปควบคุมอยู่ที่เมืองมยินไซง์ (Myinzaing) แล้ว และพวกนี้ยกเอาเจ้าชายสอนิต โอรสพระองค์ ผู้ประสูติแด่พระสนมขึ้นครองราชสมบัติ เหตุผลที่ฝ่ายกบฏ (อรรคเสนาบดีไทใหญ่) อ้างก็คือ พระเจ้ากลอฉวาทรงเรียกกองทัพของปาไป่สีฟู่เข้ามาปล้นเมืองหลายแห่ง ดูเหมือนว่าในเวลานั้น กลุ่มไทใหญ่ทางตะวันตกของแม่น้ำอิรวดีได้ลุกฮือเป็นกบฏ ฝ่ายสีหสูระและราชสังกรม (สองในสามของพี่น้องไทใหญ่) กลับไปเข้าข้างกบฏ พระเจ้ากลอฉวาได้ทรงส่งศรีอสังขยา (พี่ชายคนโตของสามพี่น้องไทใหญ่) ไปปราบปราม แต่กลับไปเข้าข้างกัน ดังนั้น พระเจ้ากลอฉวา จึงจะขอกองทัพราชวงศ์หยวนเข้ามาปราบปราม เข้าใจว่า พวกพี่น้องไทใหญ่คงจะได้เรียกกองทัพจากปาไป่สีฟู่เข้ามาข่มขู่พระเจ้ากลอฉวา (เรื่องราวนี้เกิดขึ้นในปี 1298/1841 แต่ราชวงศ์ปกรณ์เชียงใหม่ได้กล่าวถึงการที่พระยามังรายหลวงยกทัพไปเมืองหงสาวดีและได้นางปายโคในปี 1286/1829 หลังจากสร้างเวียงกุมกาม ห่างกัน 12 ปีหรือรอบนักษัตร์หนึ่ง) |
|
|
|
|
1300/1843 |
2 มิถุนายน 1300/1843 หมางหวู่ตูรูมิช ขอกำลังพล 6,000 คนเพื่อไปตีพม่า ที่ประชุมเสนาบดีเสนอว่า น่าจะต้องใช้กำลังเพิ่มอีกไม่น้อยกว่า 10,000 คน แต่จักรพรรดิทรงให้เพิ่มอีก 12,000 คน เหตุที่ต้องให้ไพร่พลเพิ่มมากมายอย่างนี้ เพราะ ‘พวกกบฏในพม่านั้นเข้มแข็ง แล้วยังอาจขอความช่วยเหลือจากปาไป่สีฟู่ได้อีกด้วย’ ข้อมูลที่จีนได้มานั้นแสดงว่า พวกไทใหญ่ในพม่ากับพระยามังรายหลวงมีฐานะเป็นพันธมิตรกัน |
|
|
|
|
1301/1844 |
เดือนเมษายนว่า กองทัพที่ส่งไปตีพุกามนั้นประสบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
จึงมีพระราชโองการให้หลิวเซิน เหอลาไต้ และเจิ้งอิ้ว นำกำลังทหาร 20,000 นายไปตีปาไป่สีฟู่ และให้มณฑลยูนนานจัดม้าให้ห้าตัวต่อทหารสิบคน อีกห้าวันต่อมาได้พระราชทานเงินให้ 92,000 ติ้ง ในระหว่างเตรียมการในปลายเดือนมีนาคม จักรพรรดิโปรดเกล้าฯ ให้เกณฑ์นักโทษในเสฉวนและยูนนานเข้าเป็นทหารในทัพที่จัดไว้ไปตีปาไป่สีฟู่
กันยายน กองทัพมองโกลซึ่งถอนกลับจากพม่าถูกชนเผ่า ‘ฟันทอง’ ซุ่มโจมตีตามรายทาง พระยามังรายหลวงกษัตริย์แห่งปาไป่สีฟู่ (พิงครัฐ-เชียงใหม่) และบรรดารัฐเล็กรัฐน้อยต่างพากันปฎิเสธที่จะส่งส่วยแก่ราชสำนักมองโกล การพ่ายแพ้แก่พวกไทใหญ่ในพม่า และความล้มเหลวในการจัดทัพไปกำหราบพวกลาวยวน |
|
/ |
|
|
1302/1846 |
วันที่ 21 มีนาคม และอีกสองสัปดาห์ถัดมา ราชสำนักมีคำสั่งให้ประหารชีวิตหลิวเซิน กับให้โบยเหอลาไต้และเจิ้งอิ้ว เพราะไปตีปาไป่สีฟู่ไม่สำเร็จ |
|
|
|
|
1303/1846-7 |
สร้างนครกุมกาม หรือกุมกามนคร ทรงสร้างเจดีย์กู่คำเรียงรายด้วยพระพุทธรูป 60 องค์ |
|
/ |
|
|
1311/1854 |
มังรายสวรรคตเมื่อพระชนม์ 71 ปี
ขุนครามได้ขึ้นครองราชย์ 4 เดือนแล้วย้ายไปประทับที่เชียงราย ให้เจ้าแสนภู ราชโอรสอยู่ที่เชียงใหม่ |
|
/ |
|