สวากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสยโย, |
พระธรรม เป็นสิ่งที่ประเสริฐเพราะประกอบด้วยคุณ คือความที่พระผู้มี
พระภาคเจ้า ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นต้น; |
โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะเภโท, |
เป็นธรรมอันจำแนกเป็น มรรค ผล ปริยัติ และนิพพาน; |
ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี, |
เป็นธรรมทรงไว้ซึ่งผู้ทรงธรรม จากการตกไปสู่โลกที่ชั่ว; |
วันทามะหัง ตะมะหะรัง วะระธัมมะเมตัง. |
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมอันประเสริฐนั้น อันเป็นเครื่องขจัดเสียซึ่งความมืด. |
ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง, |
พระธรรมใด เป็นสรณะอันเกษมสูงสุด ของสัตว์ทั้งหลาย; |
ทุติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง, |
ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น
อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึก องค์ที่สองด้วยเศียรเกล้า: |
ธัมมัสสาหัสมิ ทาโส (ทาสี) วะ ธัมโม เม สามิกิสสะโร, |
ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระธรรม, พระธรรมเป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า; |
ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม, |
พระธรรมเป็นเครื่องกำจัดทุกข์ และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า; |
ธัมมัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง, |
ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้ แด่พระธรรม; |
วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง, |
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม ซึ่งความเป็นธรรมดีของพระธรรม, |
นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง, |
สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี,
พระธรรมเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า; |
เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุสาสะเน, |
ด้วยการกล่าวคำสัจจ์นี้
ข้าพเจ้าพึงเจริญในพระศาสนา ของพระศาสดา; |
ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ, |
ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ซึ่งพระธรรม ได้ขวนขวายบุญใด ในบัดนี้; |
สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา. |
อันตรายทั้งปวง อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า ด้วยเดชแห่งบุญนั้น. |